ในสนามรบธุรกิจร้านอาหารที่เดือดระอุในปี 2568 แบรนด์ใหญ่อย่าง MK Group ไม่ได้แค่เล่นเกมรับมือ แต่กำลังรุกหนักด้วยแผนกลยุทธ์ “Value Strategy” ที่จะมาเขย่าวงการและยกระดับประสบการณ์การกินของคนไทยให้ไปไกลกว่าเดิม วันนี้ผมเลยอยากชวนทุกคนมาดู กลยุทธ์ MK Group ที่มาพร้อมการเคลื่อนไหวครั้งสำคัญในวงการอาหารที่ส่งมอบ “คุณค่า” ในทุกมิติให้กับผู้บริโภค
Direction ที่ชัดเจน เข้าใจเทรนด์ เข้าใจคน มุ่งหน้าสู่การเติบโต
ในขณะที่ร้านอาหารหลายเจ้ากำลังเผชิญความท้าทายหนักจากเศรษฐกิจที่ปั่นป่วน แต่ MK Group กลับมองเห็นโอกาสทองในการปรับตัวและยกระดับธุรกิจ ด้วยประสบการณ์กว่า 4 ทศวรรษในการสร้างความสุขผ่านมื้ออาหาร การส่งเสริมสุขภาพที่ดี และธุรกิจที่เป็นมิตรกับสังคมและสิ่งแวดล้อม
รากฐานที่แข็งแกร่งนี้เองที่ทำให้ MK Group กล้าที่จะออกนอกกรอบ ด้วยกลยุทธ์ที่มุ่งเจาะลึกเข้าใจผู้บริโภค ปรับโมเดลธุรกิจ สร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่ และเสริมทัพแบรนด์ในเครือให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ถือเป็นการเดินหมากที่น่าจับตาสุดๆ ในปีนี้
กลยุทธ์ MK Group ขับเคลื่อนด้วย Value Strategy
กลยุทธ์ “Value Strategy” คือหัวใจสำคัญที่ MK Group ใช้เป็นฟันเฟืองสำคัญในการรุกตลาดปีนี้ โดยประกอบด้วย 3 แกนหลักที่ทำงานร่วมกันแบบ Perfect Trio ดังนี้
Value Creation สร้างคุณค่าและประสบการณ์ให้โดนใจ
หัวใจของการสร้างคุณค่าที่ MK Group ยึดถือคือการเจาะลึก Customer Insight แบบถึงแก่น ซึ่งทางแบรนด์ทุ่มสุดตัวในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อพัฒนาสินค้า บริการ และประสบการณ์ที่ “ใช่” สำหรับคนยุคนี้
การสื่อสารกับลูกค้าถูกปรับให้สนุก ครีเอท และสร้าง Engagement อย่างต่อเนื่องพร้อมโปรโมชั่นที่ดีไซน์มาอย่างชาญฉลาด เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่าทุกบาททุกสตางค์ “คุ้มค่า” ที่สุด ซึ่งเราเองก็ได้เห็นความเคลื่อนไหวสุดปังจากแบรนด์ในเครือในช่วงที่ผ่านมา เช่น
MK Restaurants กับแคมเปญสร้างสีสันอย่าง “มูเก็ตติ้ง” ที่ผสมความเชื่อเข้ากับการตลาด หรือ “หมูมาราธอน” และ “Duck Lovers” ที่เน้นความคุ้มค่าและความน่ารัก
Yayoi สร้างกระแสด้วยการเปิดตัวพรีเซนเตอร์คนใหม่ ตอกย้ำคอนเซ็ปต์ ‘ญี่ปุ่นครบเซต’ และเตรียมเซอร์ไพรส์ด้วยเมนูเทโชกุแบบใหม่ ๆ ตลอดปี
แหลมเจริญซีฟู้ด ยังครองใจครอบครัวด้วยด้วยกลยุทธ์ Family Set ที่เน้นความหลากหลายและความคุ้มค่า
นอกจากนี้ทาง MK Buffet กำลังเตรียมปรับราคาให้เข้าถึงง่ายขึ้น พร้อมเพิ่มเมนูใหม่แบบจัดเต็ม รวมไปถึง HIKINIKU TO COME น้องใหม่ล่าสุดที่มาเติมเต็มพอร์ตโฟลิโอด้วยคอนเซ็ปต์ร้าน Specialist เน้นคุณภาพเนื้อชั้นเลิศ ในราคาที่เข้าถึงได้
จะเห็นเลยว่า ในช่วงที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน MK Group ได้แสดงให้เห็นถึงกลยุทธ์ที่เชื่อมโยงไปถึงการสร้าง Value Creation ได้อย่างชัดเจน และเราคงจะได้เห็นแคมเปญ หรือกิจกรรมต่าง ๆ ที่แบรนด์จะมาสร้างความสนุกสนาน และสร้างประสบการณ์ที่มีคุณค่าให้กับเราอีกแน่นอน
Value Relationship สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า
MK Group ไม่ได้มองความสัมพันธ์กับลูกค้าเป็นแค่คนที่เข้ามาใช้บริการ แต่เป็นการสร้าง Connection ที่ยั่งยืน โดยใช้กลยุทธ์การทำ Segmentation เพื่อวิเคราะห์และวางแผนการตลาดแบบเฉพาะบุคคล ด้วยการทำ Data Personalization
นอกจากนี้ ยังลงทุนในระบบ Customer Experience Management (CEM) หรือเครื่องมือที่ช่วยให้ตลอด Customer Journey ของลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดี และส่งมอบสิทธิพิเศษต่าง ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการจริง ๆ ของลูกค้า
ไฮไลท์ที่น่าจับตามองคือการเตรียมเปิดตัว Group Member ซึ่งจะเชื่อมโยงฐานข้อมูลและสิทธิประโยชน์ของทุกแบรนด์ในเครือไว้ในที่เดียว ทำให้ลูกค้าได้รับ Experience ที่หลากหลายและคุ้มค่ายิ่งขึ้น โดยตัวอย่างกลยุทธ์ที่จะมาตอกย้ำการสร้าง Value Relationship เช่น
Tourist Adaptation สำหรับนักท่องเที่ยว ปรับทั้งการสื่อสาร สินค้า และเข้าใจวัฒนธรรมที่แตกต่าง
Local Store Marketing เน้นสำรวจพฤติกรรมลูกค้าในแต่ละพื้นที่ เพื่อปรับเมนูและโปรโมชั่นให้โดนใจลูกค้าในทำเลนั้น ๆ
Value Accessible ทำให้เข้าถึงง่าย สะดวก แต่คุณภาพยังคงเป๊ะ
และเพื่อให้คุณค่าและคุณภาพไปถึงมือผู้บริโภคได้อย่างทั่วถึง กลยุทธ์ Value Accessible จึงเป็นตัวเร่งสำคัญ ซึ่งทาง MK Group เองก็มีแผนขยายสาขาแบบจัดเต็ม ทั้งในและต่างประเทศ โดยปีนี้มีแผนเปิดสาขาใหม่ในไทยอีก 15 สาขา ครอบคลุมทุกแบรนด์ในเครือ
ในส่วนของแฟรนไชส์ต่างประเทศอย่างแหลมเจริญซีฟู้ด ก็เตรียมเปิดเพิ่มที่มาเลเซีย และกำลังมองหา Master Franchise รายใหม่ ๆ ใน South East Asia เพื่อเร่ง Speed การเติบโต
นอกจากนี้ ยังมีแผน Store Conversion สุดล้ำ โดยปรับ MK Restaurants บางสาขาเป็น MK Buffet เพื่อตอบรับเทรนด์บุฟเฟต์ที่มาแรง รวมถึงปรับโมเดลแหลมเจริญซีฟู้ดให้ทันสมัยและเข้าถึงง่ายขึ้น
ในด้านธุรกิจค้าปลีก นอกจากน้ำจิ้มสุกี้ซิกเนเจอร์แล้ว ยังมีการพัฒนาสินค้าใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น ชุดสุกี้และบะหมี่พร้อมปรุง พร้อมแผนขยายช่องทางจำหน่ายจากร้านสะดวกซื้อไปยังซูเปอร์มาร์เก็ตและไฮเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ เพื่อให้สินค้าคุณภาพ MK เข้าถึงผู้บริโภคได้กว้างขวางยิ่งขึ้น
Scale-Up ด้วยเทคโนโลยีและโลจิสติกส์ ยกระดับการส่งมอบคุณค่า
กลยุทธ์ “Value Strategy” ยังได้รับการ Support จากระบบบริหารจัดการภายในของ MK Group ที่มีการนำ AI เข้ามาช่วยจัดการหลังบ้าน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลด Food Waste ควบคุมต้นทุน และหลีกเลี่ยงการสต็อกสินค้าที่ไม่จำเป็น
AI-Generated by Shutterstock (Prompt: A futuristic logistics system powered by artificial intelligence, featuring autonomous delivery robots, AI-controlled drones flying above smart warehouses, real-time tracking interfaces, digital maps with data streams, and a centralized AI command hub. Scene is highly detailed, modern, with glowing data lines, clean high-tech aesthetics, and a global shipping network background.)
ธุรกิจโลจิสติกส์อย่าง M-SENKO ซึ่งเชี่ยวชาญด้านคลังสินค้าและขนส่งสินค้าแช่เย็น/แช่แข็ง ก็มีบทบาทสำคัญในการส่งมอบคุณภาพจากต้นทางถึงปลายทาง โดยมีแผนเพิ่มศูนย์กระจายสินค้าตามหัวเมืองหลัก และเพิ่มบริการ Importer/Forwarding เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายและลดความซับซ้อนด้านโลจิสติกส์ให้กับพาร์ทเนอร์นั่นเอง
สรุป
กลยุทธ์ MK Group ในปี 2568 ด้วย Value Strategy สะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ในการดำเนินธุรกิจที่ไม่หยุดนิ่ง ซึ่งทาง MK Group เองก็มองเห็นโอกาสในความท้าทาย และพร้อมที่จะลงทุนในการสร้างสรรค์คุณค่า ประสบการณ์ และความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับผู้บริโภค
การให้ความสำคัญกับการทำความเข้าใจลูกค้า การใช้ข้อมูล การพัฒนานวัตกรรมทั้งในส่วนของสินค้า บริการ และการบริหารจัดการภายใน รวมถึงความมุ่งมั่นในการขยายการเข้าถึง ล้วนเป็นองค์ประกอบสำคัญที่จะผลักดันให้ MK Group เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความสุขให้กับผู้บริโภคไทยต่อไปในอนาคตนั่นเองครับ
อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่นี่