L&E Beyond x KAWS:HOLIDAY Bangkok สร้างแบรนด์ด้วยความรู้สึก

ทุกวันนี้ แค่ทำของดี บริการเยี่ยม ไม่พอแล้วนะคะ นักการตลาดและผู้บริหารที่มองเกมขาดจะรู้ว่า… โลกการตลาดยุคใหม่ ใครสร้าง “ความรู้สึก” ได้ก่อน คนนั้นชนะ ไม่ใช่เพราะผู้บริโภคเบื่อโฆษณา แต่เพราะผู้บริโภคอยากรู้สึก อิน กับแบรนด์อย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องรู้ตัว
เหมือนกับ KAWS:HOLIDAY Bangkok นิทรรศการศิลปะกลางแจ้งที่จัดขึ้นเมื่อเดือนพฤษภาคม 2025 ที่ผ่านมา พา “Companion” คาแรกเตอร์ระดับโลกมาตั้งกลางสนามหลวง เป็นปรากฏการณ์ที่สอดประสาน ศิลปะ วัฒนธรรม และประสบการณ์ เข้าด้วยกันอย่างแนบเนียน และที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้น คือ L&E Beyond ผู้อยู่เบื้องหลังการดีไซน์แสงครั้งนี้ สามารถเปลี่ยนงานศิลป์ธรรมดาให้กลายเป็น moment ที่ผู้ชมรู้สึกได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องโฆษณาชื่อแบรนด์เลยสักคำ

โอปอว่านี่ไม่ใช่แค่การโชว์งานศิลป์ แต่มันคือ case study ของการใช้ Soft Power สร้างแบรนด์ ผ่านประสบการณ์จริงค่ะ ถือเป็นบทเรียนที่บอกเราว่า ถ้าอยากสร้างแบรนด์ให้ติดหัวใจผู้คน ต้องออกแบบให้คน “รู้สึก” ไม่ใช่แค่ “รู้จัก”

KAWS หรือ Brian Donnelly ศิลปินจากนิวยอร์ก ผู้เริ่มต้นจากการพ่นสเปรย์ตามกำแพงเมือง แต่วันนี้ชื่อของเขากลายเป็นหนึ่งในศิลปินร่วมสมัยที่แม้แต่คนไม่อินศิลปะก็ยังต้องรู้จัก

โลกจำ KAWS ได้จาก “Companion” คาแรกเตอร์กึ่งคุ้นเคยกึ่งแปลกตา ร่างคล้ายมิกกี้เมาส์ แต่มีหัวกะโหลกและดวงตากากบาท (XX) คู่หนึ่ง ความพิเศษของ Companion ไม่ได้อยู่แค่รูปลักษณ์ แต่คือ ความเงียบ ที่สะท้อนความเหงา ความโดดเดี่ยว และความเหนื่อยล้าของคนเมืองออกมาอย่างตรงไปตรงมา โดยไม่ต้องเอ่ยคำใด

KAWS:HOLIDAY Bangkok

โอปอรู้สึกได้เลยว่า KAWS ทำให้ศิลปะไม่ใช่แค่เรื่องความสวยงาม แต่กลายเป็นภาษาสากลของความรู้สึก ที่คนทุกชนชั้นเข้าใจตรงกันโดยไม่ต้องแปลค่ะ

ในโลกที่ทุกอย่างเร่งรีบและวุ่นวาย KAWS เลือกทำสิ่งตรงกันข้าม ด้วยการพา Companion ตัวโตนอนราบกลางเมืองใหญ่ ตั้งอยู่กลางแม่น้ำ สนามหญ้า หรือท้องฟ้า ราวกับจะบอกว่า

“เหนื่อยนัก…ก็พักก่อน”

KAWS:HOLIDAY คือการเดินทางของศิลปะที่ไม่ขังตัวเองอยู่ในแกลเลอรี แต่กลายเป็นส่วนหนึ่งของเมือง เป็นจุดพักใจกลางความสับสนวุ่นวาย ให้ผู้คนได้หยุด พักสายตา และพักใจชั่วคราว

และครั้งนี้ Companion ไม่ได้ปรากฏตัวที่ไหนไกล แต่โผล่ขึ้นอย่างสงบกลาง สนามหลวง กรุงเทพฯ ค่ะ

ถ้าจะเลือกที่สักแห่งให้ Companion มานั่งพัก… ทำไมต้องเป็น สนามหลวง?

สนามหลวงไม่ใช่แค่สวนสาธารณะกลางเมือง มันคือผืนดินประวัติศาสตร์ที่เก็บเรื่องราวของไทยไว้นับร้อยปี เป็นที่ประกอบพิธีสำคัญ เป็นศูนย์กลางของการเปลี่ยนแปลง และเป็นภาพจำของ “การส่งผ่าน” ระหว่างอดีต ปัจจุบัน และอนาคต

การที่ Companion สูง 18 เมตรกอดพระจันทร์เอาไว้กลางสนามหลวง ไม่ใช่แค่ภาพที่สวย แต่คือสัญลักษณ์ของการส่งต่อคุณค่าและความห่วงใยจากรุ่นสู่รุ่น เหมือน KAWS เอาความรู้สึกที่เราคิดถึงแต่ไม่เคยเอ่ยออกมา ตั้งไว้อย่างเงียบ ๆ ใจกลางเมือง ให้เราได้หยุดมอง หยุดคิด และหยุดรู้สึกอะไรบางอย่างที่นาน ๆ ครั้งถึงจะได้รู้สึก

เมื่อเบื้องหลังเป็นวัดพระแก้ว และพระบรมมหาราชวัง สถาปัตยกรรมที่เปี่ยมไปด้วยความหมายทางวัฒนธรรม โอปอว่ามันยิ่งขับเน้น contrast ระหว่างความเก่าแก่และความร่วมสมัย เป็นบทสนทนาเงียบ ๆ ระหว่างศิลปะกับประวัติศาสตร์ไทย ซึ่งเป็นบทสนทนาที่ไม่มีคำพูด แต่เต็มไปด้วยอารมณ์

และ Companion ที่ตั้งสงบกลางสนามหลวง อาจไม่ส่งพลังเท่านี้ ถ้าไม่มีแสงนวลอุ่นโอบล้อมเขาไว้ หรือไม่มีใครช่วย “เล่าเรื่อง” แทนศิลปิน ในยามที่คำพูดกลายเป็นสิ่งเกินจำเป็น… ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้ เพราะมี L&E Beyond ที่เปลี่ยน “แสง” ให้กลายเป็น “ภาษาของความรู้สึก”

ในงาน KAWS:HOLIDAY Bangkok ศิลปะระดับโลกไม่ได้มาเพียงลำพังค่ะ เพราะ L&E Beyond หน่วยธุรกิจในเครือ Lighting & Equipment (L&E) บริษัทสัญชาติไทยที่คร่ำหวอดในวงการแสงและโปรดักชันมากว่า 32 ปี ได้เข้ามาร่วมออกแบบและติดตั้งระบบแสงสว่างทั้งงาน พร้อมภารกิจที่มากกว่าการ “ส่องสว่าง” แต่คือ การปลุกความรู้สึกที่หลับใหลอยู่ในงานศิลป์ให้คนได้สัมผัสด้วยใจ

KAWS:HOLIDAY Bangkok

จากผู้เชี่ยวชาญระบบแสงระดับอาเซียน วันนี้ L&E Beyond กำลังพาตัวเองก้าวไกลกว่านั้น ด้วยการเปลี่ยนแสงธรรมดาให้กลายเป็นประสบการณ์ ที่ให้คนรู้สึกได้ ซึ่งในโปรเจกต์นี้ พวกเขาเลือกใช้ดวงโคมมาตรฐานสากล ผสานกับการดีไซน์แสงที่ปรับความสว่างและทิศทางได้อย่างละเอียดอ่อน ยามค่ำคืน แสงโทนอุ่นนวลโอบล้อม Companion อย่างแผ่วเบา ราวกับห่มผ้าบางเบาให้ผลงานได้พักหายใจกลางลานสนามหลวง

ทั้งหมดนี้สะท้อนวิสัยทัศน์ “More Than Light” เพราะสำหรับ L&E Beyond แสงไม่ใช่แค่เครื่องมือเพื่อมองเห็น แต่มันคือ สื่อกลาง ที่เชื่อมโยงศิลปะกับหัวใจผู้คน ให้คนไม่ได้แค่ “เห็น” แต่ รู้สึก โดยไม่ต้องมีคำพูดใด

L&E Beyond ไม่ได้วางตัวเป็นแค่ทีมโปรดักชันหลังบ้านในงาน KAWS:HOLIDAY Bangkok แต่เขากำลังสอนบทเรียนสำคัญว่า…“ประสบการณ์ที่มีพลังที่สุด ไม่ใช่แค่สิ่งที่คนเห็นด้วยตา แต่คือสิ่งที่เขารู้สึกได้ด้วยใจ”

โอปอเห็น 3 กลยุทธ์การตลาดซ่อนอยู่ในแสงที่ไม่ต้องพูดอะไร แต่ทำให้คนจดจำ ดังนี้ค่ะ

1. Experience-Led Branding

แบรนด์ที่สร้างประสบการณ์ได้ดี ไม่จำเป็นต้องบอกว่าตัวเองดี

แทนที่จะใช้โฆษณาหรือโลโก้เป็นตัวกลาง L&E Beyond ใช้ “แสง” เป็นประสบการณ์ที่คนเดินเข้ามา สัมผัสได้ ไม่ต้องบอกว่าแสงนี้ออกแบบมาอย่างดี ไม่ต้องชี้ว่ามาตรฐานแสงระดับสากลขนาดไหน ปล่อยให้คนรู้สึกเอง ผ่านการได้อยู่ตรงนั้น เห็น Companion ที่โอบด้วยแสงอุ่นนวล จนใจนิ่งตามไปด้วย

KAWS:HOLIDAY Bangkok

ในโลกที่ผู้คนเริ่มไม่เชื่อสิ่งที่แบรนด์พูด การทำให้ผู้ชมสัมผัสประสบการณ์ได้จริง คือการตลาดที่ชนะทั้งความรู้สึกและความคิดค่ะ

2. Contextual Storytelling

เมื่อโลเคชันไม่ใช่แค่สถานที่ แต่กลายเป็นตัวละครร่วมในเรื่องราว

การเลือกสนามหลวง สถานที่แห่งความทรงจำและพิธีกรรมของไทย เป็นมากกว่าฉากหลัง มันคือการสร้างบทสนทนาเงียบ ๆ ระหว่างศิลปะร่วมสมัยกับวัฒนธรรมเก่าแก่ ซึ่ง L&E Beyond เข้าใจความสำคัญนี้ และออกแบบแสงให้นุ่มนวล เข้ากับบรรยากาศ ไม่แย่งซีน ไม่เบียดขับฉากหลัง

KAWS:HOLIDAY Bangkok

แสงที่ส่อง Companion จึงไม่ใช่แค่เพื่อให้เห็น แต่เป็นการพาคนดู เดินเข้าไปในเรื่องเล่า ที่มีทั้งศิลปะ พื้นที่ และความรู้สึกร่วม

3. Emotional Minimalism

ในวันที่ทุกอย่างพยายามมากเกินไป สิ่งที่น้อยแต่มากกลับมีพลังที่สุด

L&E Beyond เลือกดีไซน์แสงแบบเรียบง่าย ไม่มีสีสันเกินจำเป็น แค่แสงอุ่นนวลที่โอบล้อม Companion อย่างเงียบ ๆ การออกแบบที่ดูเหมือนน้อย แต่จริง ๆ เจาะลึกลงไปที่อารมณ์ ทั้งสงบ เยียวยา และเชื่อมต่อกับผู้ชมอย่างตรงไปตรงมา

KAWS:HOLIDAY Bangkok

นี่แหละค่ะ Emotional Minimalism กลยุทธ์ที่ใช้ “น้อย” เพื่อเข้าถึง “มาก” เพราะในยุคที่ทุกคนกำลังเหนื่อยกับสิ่งเร้า ประสบการณ์ที่นุ่มนวลที่สุด กลับเป็นสิ่งที่สัมผัสได้ลึกที่สุด

บางประสบการณ์ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้จดจำ แต่มันถูกสร้างขึ้นเพื่อให้บางอย่างในใจเรา ขยับ อย่างเบา ๆ เงียบเฉียบ แต่เปลี่ยนไปอย่างไม่รู้ตัว

ศิลปะเป็นแบบนั้น แสงก็เช่นกันค่ะ ไม่ต้องอธิบาย ไม่ต้องยืนยัน เพียงเปิดพื้นที่ให้คนรู้สึกในแบบของเขาเอง บางครั้งความหมายที่เกิดขึ้น อาจงดงามกว่าสิ่งที่เราตั้งใจสื่อด้วยซ้ำ

โอปอเชื่อว่าแบรนด์ที่ดีควรทำแบบเดียวกัน ก็คือ ไม่เร่งเร้า ไม่ควบคุม แต่ตั้งใจสร้างสิ่งที่มีความหมาย แล้วปล่อยให้มันเดินทางต่อด้วยตัวมันเอง เพราะสิ่งที่สัมผัสได้ด้วยใจ มักอยู่ได้นานกว่าเสียงโฆษณาใด ๆ แล้วพบกันใหม่บทความหน้านะคะ :0)

Source: Design Pataki

อ่านบทความเพิ่มเติมที่นี่

โอปอ Marketing Content Creator และ Data Insight Researcher ของการตลาดวันละตอน ⋆˚✿˖° ดีใจที่ได้แชร์เรื่องราวกับทุกคนค่ะ อย่าลืมยิ้มให้ตัวเองทุกวัน และฝากติดตามบทความต่อไปด้วยนะคะ ( 。•ㅅ•。)~✧

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *