เมื่อ Google ยักษ์ใหญ่แห่งวงการเทคโนโลยี ได้ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับ Gentle Monster แบรนด์แว่นตาแฟชั่นสุดหรูจากเกาหลีใต้ ในงาน Google I/O 2025 ที่ผ่านมา การร่วมมือกันเพื่อพัฒนาแว่นตาอัจฉริยะ AI บนระบบปฏิบัติการ Android XR ไม่ได้เป็นเพียงแค่การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ธรรมดา ๆ แต่ยังจุดประกายคำถามที่น่าสนใจมากกว่านั้น ว่านี่คือเพียงการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ล้ำสมัย หรือเป็นสัญญาณสำคัญที่บ่งบอกถึงทิศทางใหม่ของ กลยุทธ์ Google ที่เราควรติดตามกันอย่างใกล้ชิด?
จากบทเรียนอดีตของ Google Glass สู่การ Collab ครั้งประวัติศาสตร์
เรื่องราวของแว่นตา Google ไม่ได้เริ่มต้นวันนี้นะครับ ย้อนกลับไปในอดีต Google เคยสร้างความตื่นตะลึงให้กับโลกด้วย Google Glass มาแล้ว แม้ว่าจะเป็นนวัตกรรมที่ล้ำหน้าในยุคนั้น แต่ก็ต้องเผชิญกับความท้าทายหลายอย่างร โดยเฉพาะเรื่องดีไซน์ที่ยังไม่ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวัน และการยอมรับจากสังคมที่ยังเป็นเครื่องหมายคำถามใหญ่
แต่นั่นก็เป็นเรื่องปกติสำหรับผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่เกิดก่อนเวลาอันควร ซึ่งต่อมา Google ก็ได้ปิดโครงการ Google Glass สำหรับผู้บริโภคทั่วไปในปี 2014 และเปลี่ยนโฟกัสไปที่ตลาด Enterprise แทน บทเรียนจากการล้มเหลวนี้มีหลายด้าน โดยเฉพาะการออกแบบที่ดูแปลกแยกจากแว่นตาทั่วไป
AI-Generated by Shutterstock (Prompt: Close-up of a broken AI smart glasses – high-tech futuristic design with visible cracks on one lens and damage on the frame. The glasses feature holographic UI elements, sleek metallic frame, microchips visible inside the broken part. Background is softly blurred to focus on the glasses. Realistic lighting, high detail, cinematic style.)
ซึ่งมันก็ทำให้ Google เข้าใจดีว่า เทคโนโลยีอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอที่จะทำให้ผลิตภัณฑ์เป็นที่ยอมรับในวงกว้างได้ การมีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยแต่ไม่สามารถกลมกลืนเข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนใช้ได้ ก็ไม่ต่างจากการสร้างสิ่งประดิษฐ์ที่สวยงามแต่ไม่มีใครอยากใช้
การ Collaboration ครั้งนี้จึงเป็นการผสานจุดแข็งของทั้งสองฝ่ายอย่างแท้จริง ด้วยเทคโนโลยี AI และ XR อันล้ำสมัยของ Google กับความทันสมัยด้านดีไซน์และอิทธิพลทางแฟชั่นของ Gentle Monster มันเป็นการเรียนรู้จากความผิดพลาดในอดีตและการปรับกลยุทธ์ได้อย่างน่าสนใจมากครับ
กลยุทธ์ Google ทิศทางใหม่ มุ่งสู่ ‘TechLife’ ผ่าน ‘แฟชั่นฟังก์ชัน’
การร่วมมือกับ Gentle Monster แสดงให้เห็นว่า Google ให้ความสำคัญกับ ‘ไลฟ์สไตล์’ มากขึ้นอย่างชัดเจน โดยใช้ ‘ดีไซน์’ เป็นสะพานเชื่อมสำคัญ เพราะจากคำกล่าวของ Shahram Izadi ผู้จัดการทั่วไปและรองประธานฝ่าย Google XR ที่ว่า “ความคิดสร้างสรรค์และการออกแบบอย่างมีระดับคือหัวใจสำคัญที่จะทำให้เทคโนโลยีกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน” นั่นสะท้อนแนวคิดนี้ได้เป็นอย่างดี
เป้าหมายของการพัฒนาแว่นตาอัจฉริยะ AI ครั้งนี้คือการก้าวข้ามจากอุปกรณ์ไฮเทค ไปสู่ไอเทมแฟชั่นที่คนยุคใหม่สามารถหยิบมาใส่ได้จริงในชีวิตประจำวัน ซึ่งเป็นการนิยามบทบาทของเทคโนโลยีใหม่ในบริบทของไลฟ์สไตล์อย่างน่าสนใจ
แต่คำถามที่น่าคิดคือ ทำไม Google ถึงต้องมาเน้นเรื่องแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ขนาดนี้? คำตอบก็คือ ตลาด Wearable Tech ในปัจจุบันมีการแข่งขันที่รุนแรงมาก ไม่ว่าจะเป็น Apple Watch, Samsung Galaxy Watch หรือแม้แต่แว่นตา Meta Quest ที่เริ่มทำตลาด AR/VR ได้ดี การมีเทคโนโลยีที่ดีแค่อย่างเดียวไม่เพียงพอแล้ว ผู้บริโภคต้องการสิ่งที่มากกว่านั้น พวกเขาต้องการผลิตภัณฑ์ที่สามารถแสดงตัวตนและสะท้อนไลฟ์สไตล์ได้
ผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ถูกออกแบบให้ “ทั้งสวมใส่สบายและสวยงามมีสไตล์” เพื่อให้เทคโนโลยี XR “กลายเป็นประสบการณ์ที่ใช้งานง่ายและกลมกลืนกับไลฟ์สไตล์ของทุกคน” การเปิดฉาก “ยุคใหม่ของแฟชั่นฟังก์ชัน” ที่รวมเอาสองมิติสำคัญเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว นี่คือจุดที่ Google พยายามจะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับ Google Glass ในอดีตนั่นเอง
กลยุทธ์ Google x Gentle Monster อาจเป็นการทำ Brand Refresh ที่นำไปสู่การ Repositioning?
การ Brand Refresh ในกรณีนี้ก็มีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน คือการทำให้ Google ดูไม่ใช่แค่บริษัทเทคโนโลยีที่ทำ Search Engine และ Software อีกต่อไป แต่เป็นบริษัทที่เข้าใจไลฟ์สไตล์และความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ด้วย การร่วมมือกับแบรนด์แฟชั่นชั้นนำอย่าง Gentle Monster ส่งสัญญาณออกมาได้ชัดเจนว่า Google พร้อมจะเล่นในเกมที่ไม่ใช่แค่เทคโนโลยีล้วน ๆ
อีกทั้งการ Refresh ครั้งนี้ยังช่วยให้ Google เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคใหม่ที่อาจไม่เคยสนใจผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีของ Google มาก่อน โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z และ Millennials ที่ให้ความสำคัญกับการแสดงตัวตนผ่านแฟชั่นและไอเทมที่ใช้ในชีวิตประจำวัน
มุมมอง Repositioning
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น การร่วมมือครั้งนี้ดูจะมีนัยยะที่ก้าวไปไกลกว่าแค่การปรับภาพลักษณ์ภายนอก และอาจเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ Repositioning หรือการปรับตำแหน่งทางการตลาดของแว่นตาอัจฉริยะ Google อย่างมีนัยสำคัญ
การที่ Google เลือกขยายฐานไปยังกลุ่มผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับแฟชั่นและรสนิยม หมายถึงการเปลี่ยน Target Audience อย่างมีนัยยะ Value Proposition ของผลิตภัณฑ์ก็ถูกปรับเปลี่ยนจาก “อุปกรณ์ไฮเทค” ไปเป็น “แฟชั่นฟัก์ชัน” ที่มีเทคโนโลยีอัจฉริยะเป็นส่วนเสริมคุณค่า
และก่อนหน้าเพียงไม่นาน ทาง Google ก็มีการปรับดีไซน์โลโก้ให้ดูเรียบง่ายขึ้น ใช้สีที่ผสมผสานกลมกลืน (Gradient) ซึ่งก็อาจตีความได้ว่า Google กำลังพยายามที่จะทำให้แบรนด์และเทคโนโลยีของตนดู “เป็นมิตร” “เข้าถึงง่าย” และ “กลมกลืน” กับไลฟ์สไตล์ของผู้คนมากขึ้น
นี่จึงอาจเป็นสัญญาณที่นำไปสู่การ Repositioning ที่จะเข้ามาตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ที่ผู้คนไม่ได้ต้องการแค่เทคโนโลยีที่ทำงานได้ดี แต่ต้องการสิ่งที่สามารถบอกเล่าเรื่องราวและแสดงตัวตนของพวกเขาได้ด้วย เหมือนกับที่เราเห็นในตลาด Smartphone ที่ iPhone ไม่ได้โดดเด่นเพียงแค่ฟังก์ชัน แต่ยังเป็น Status Symbol และ Fashion Statement ด้วยนั่นเอง