และนั่นคือจุดเริ่มต้นของโปรเจกต์ Big C Super Girl โปรเจกต์จากช่องวัน31 ที่ออกแบบให้แบรนด์เข้าถึงหัวใจผู้บริโภคยุคใหม่ ผ่าน “คนธรรมดา” ที่กลายเป็นกระบอกเสียงที่คนอยากฟัง โดยมี Big C เข้ามาร่วมวางกลยุทธ์และขับเคลื่อน Brand Experience รูปแบบใหม่ ที่ไม่ใช่แค่พูดถึงแบรนด์…แต่ค่อย ๆ ทำให้คนรู้สึกดีกับแบรนด์ในแบบที่เป็นธรรมชาติที่สุด
Big C กำลังปรับตัวครั้งใหญ่ เพื่อเข้าใกล้ผู้บริโภคยุคใหม่ให้มากขึ้น
ทางด้าน Big C เองก็กำลังปรับตัวครั้งใหญ่ เพื่อเข้าใกล้ผู้บริโภคยุคใหม่ให้มากขึ้น จากแบรนด์ที่อยู่ในชีวิตประจำวันของคนไทยมายาวนาน วันนี้ Big C ตั้งเป้าหมายใหม่ ไม่ใช่แค่เรื่องความครบหรือความคุ้มค่า แต่คือการกลายเป็น “จุดหมายแรก” ที่ผู้บริโภคนึกถึงในทุกความต้องการ พร้อมสานต่อวิสัยทัศน์ที่ต้องการ “สรรสร้างชีวิตที่ดีขึ้นให้แก่ผู้บริโภค” และ “ร่วมสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้แก่ประชาคมโลก”
แผนนี้จึงไม่ได้หยุดแค่การปรับปรุงพัฒนาภายนอก แต่รวมถึงการลงมือทำอย่างจริงจัง ทั้งการรีโนเวตสาขาให้ทันสมัย ขยายห้างหลายรูปแบบ และพัฒนา Big Point ระบบสมาชิกที่ตอบโจทย์ชีวิตยุคใหม่ โดยเฉพาะในปี 2024 ที่พบว่าสมาชิกใหม่ในระบบเพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 24% และถ้านับเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ตัวเลขพุ่งสูงถึง 52% ซึ่งสะท้อนชัดว่า คนรุ่นใหม่เริ่ม “เปิดใจ” เข้ามาหาแบรนด์มากขึ้นแล้ว
Big C อาจมองเห็นว่า หากอยากให้ความสัมพันธ์นี้ลึกขึ้นกว่าการซื้อขายทั่วไป แบรนด์ต้องเปลี่ยนจากการ “พูดถึงตัวเอง” → เป็นการ “ให้คนที่เขาอยากฟังพูดแทน” เพราะในวันที่คนรุ่นใหม่ไม่อินกับโฆษณาคำพูดสวยหรู แต่กลับ “เชื่อ” ในคำพูดของคนธรรมดาที่จริงใจ กลุ่ม Creator และ Influencer ที่คนดูเลือกเชื่อเอง จึงกลายเป็นกระบอกเสียงสำคัญที่แบรนด์ไม่อาจมองข้าม
นั่นจึงเป็นที่มาของโปรเจกต์ “Big C Super Girl”ที่ช่องวัน31 ตั้งใจออกแบบขึ้นเพื่อสร้างพื้นที่ใหม่ให้แบรนด์ได้เข้าไปอยู่ในใจคนรุ่นใหม่ ผ่านกระบวนการเฟ้นหา Brand Ambassador ที่คนดูมีส่วนร่วมตั้งแต่ต้นทาง และ Big C ก็เลือกเข้าร่วมเดินบนเส้นทางนี้ไปด้วยกัน เพื่อสื่อสารแบรนด์ผ่าน “คนธรรมดา” ที่กลายเป็นเสียงที่ผู้ชมอยากฟัง
Big C Super Girl ไม่ใช่แค่เวทีประกวด…แต่คือพื้นที่ของแบรนด์แบบมีชีวิต
“Big C Super Girl” คือโปรเจกต์ที่เกิดจากความร่วมมือระหว่าง ช่องวัน31 ผู้นำด้านความบันเทิงและธุรกิจสื่ออย่างครบวงจร และ กลุ่มบีเจซี บิ๊กซี (BigC) ผู้นำธุรกิจแบบห้างค้าปลีกควบคู่กับศูนย์การค้า โดยมีเป้าหมายร่วมกันคือ การเฟ้นหา Brand Ambassador คนใหม่ที่จะเป็นเหมือน “สะพาน” เชื่อมแบรนด์กับผู้บริโภคยุคใหม่อย่างเป็นธรรมชาติ
โดยเฉพาะในรอบ Final ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา ช่องวันจัดถ่ายทอดสดงานประกวดอย่างเต็มรูปแบบ จาก บิ๊กซี ราชดำริ โดยมีผู้บริหารจากทั้ง Big C และ ช่องวัน31 ร่วมเป็นกรรมการตัดสิน พร้อมทัพศิลปิน นักแสดง และ Idol มากมายมาร่วมงาน อาทิ แจม-รชตะ, ต้าห์อู๋-ออฟโรด, ก้อง-วิทยา และศิลปินจากช่อง one31 อีกคับคั่ง เพื่อส่งพลังใจให้ผู้เข้าแข่งขัน และย้ำชัดถึงภาพลักษณ์ใหม่ของ Big C
และทั้งหมดนี้ ไม่ได้จบแค่วันประกาศผลค่ะ เพราะผู้ชนะจะได้เป็น Brand Ambassador ของ Big C พร้อมโอกาสร่วมแสดงละครกับช่องวัน31 และผู้ที่เข้ารอบ 4 คนสุดท้ายจะได้ร่วมแสดงใน MV เพลงพิเศษ ซึ่งเพลงนี้จะถูกใช้เป็นที่จะถูกนำมาใช้เป็น “เพลงประจำห้าง” เปิดใน Big C ทุกสาขาทั่วประเทศ
เพลงนี้ไม่ได้มีแค่หน้าที่เพิ่มบรรยากาศนะคะ แต่ถูกวางบทบาทให้เป็น “เครื่องมือสื่อสารแบรนด์” ในระยะยาว ทั้งจากทำนองที่ติดหู เนื้อหาที่สะท้อนตัวตนของแบรนด์ และการใช้งานใน Touchpoint สำคัญอย่างพื้นที่ภายในห้าง จึงกลายเป็น Sonic Branding ที่ช่วยเสริมทั้ง Brand Recall และ Brand Association ได้อย่างมีกลยุทธ์ค่ะ
เบื้องหลังโปรเจกต์ Big C Super Girl คือการร่วมมือของสองพาร์ตเนอร์ที่เข้าใจโจทย์คนละมุม ช่องวัน31 เชี่ยวชาญเรื่องการเล่าเรื่องและสร้างความผูกพันกับผู้ชม Big C ต้องการสร้าง Brand Love ที่ไม่ใช่แค่โฆษณา แต่คือความรู้สึกที่อยู่ในใจคน
2. Brand Meaning แบรนด์นี้มีความหมายแบบไหนในใจคนดู
ช่องวัน31: ออกแบบการคัดเลือกให้สะท้อนตัวตนของแบรนด์ Big C ชัดเจนผ่านคาแรกเตอร์ B-I-G-C พร้อมเสริมเวิร์กช็อปให้ผู้เข้าแข่งขัน “พูดเป็น คิดเป็น และทำงานร่วมกับแบรนด์ได้จริง”
Big C: ส่งภาพลักษณ์แบรนด์ผ่านคนธรรมดาที่ผู้ชมค่อย ๆ รู้จัก รู้ใจ และรัก → ทำให้คนดู “รู้สึกว่าแบรนด์นี้เป็นคนแบบเดียวกับน้องที่ฉันเชียร์อยู่”