(ขอบคุณภาพจาก Shutterstock AI GeneratorPrompt : a romantic LGBTQ+ couple standing side by side in a golden hour field, holding hands, wind gently blowing through their clothes, warm sunlight, soft cinematic focus, natural lens flare.)
ซึ่ง Insight ทั้งหมดมาจากงานวิจัย “Love Wins Marketing: ถอดรหัสการตลาดหลัง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม” ซึ่งสะท้อนมาจากกลุ่มตัวอย่าง LGBTQIA+ จำนวน 374 คน ซึ่งเก็บข้อมูลจากกลุ่ม Gen Y และ Gen Z ในประเทศไทย โดยครอบคลุมทุกกลุ่มย่อยทางเพศใน LGBTQIA+ ครับ จากวิจัยของ วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล หรือ CMMU ครับ
สะท้อนพฤติกรรมการเลือกแบรนด์ของกลุ่ม LGBTQIA+ โดยพบว่า 77% ให้ความสำคัญกับราคา และคุณภาพ เป็นหลักในการตัดสินใจซื้อ แต่สิ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กันคืออีก 23% เลือกแบรนด์จากประสบการณ์ด้านบริการ ที่ได้รับโดยกลุ่ม Gay Gen Y จะให้ความสำคัญกับคุณภาพสินค้า, Lesbian Gen Y มองภาพลักษณ์ ของแบรนด์มากกว่าคำรีวิว และ Others Gen Y ถึง 61% เป็นกลุ่ม Price-Sensitive ที่อ่อนไหวต่อราคาเป็นพิเศษ
ซึ่งได้รับความสนใจจาก Lesbian Gen Y และ ประกันการเดินทาง ที่โดนใจ Gay Gen Z สอดคล้องกับแนวโน้มการท่องเที่ยวและการใช้ชีวิตแบบยืดหยุ่นมากขึ้นของคนรุ่นใหม่ ภาพนี้ชี้ให้เห็นว่าแบรนด์ในกลุ่มประกันไม่ควรมองกลุ่ม LGBTQIA+ แค่ในมุมสิทธิ์การคุ้มครองเท่านั้น แต่ควรออกแบบผลิตภัณฑ์และการสื่อสารที่ ยอมรับตัวตน และระบุคู่ได้จริง เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะกลุ่มได้อย่างแท้จริง
แผนการเงินของชาว LGBTQIA+ มีความหลากหลายตามบทบาทและเป้าหมายชีวิต โดยกลุ่ม Lesbian ให้ความสำคัญกับการวางแผนเพื่อที่อยู่อาศัยมากที่สุด โดยเฉพาะสินเชื่อบ้าน ซึ่งได้รับความสนใจสูงสุดในกลุ่ม Lesbian Gen Y ขณะที่ กลุ่ม Gay มุ่งวางแผนการเงินเพื่อยานพาหนะ โดยกลุ่ม Gay Gen Z สนใจ สินเชื่อส่วนบุคคลมากที่สุด ด้านกลุ่ม Others Gen Y วางแผนการเงินเพื่อการเกษียณ และ 2.9% วางแผนเพื่อการศัลยกรรมแปลงเพศ ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายเฉพาะกลุ่มที่สะท้อนตัวตนอย่างลึกซึ้ง
นอกจากนี้ 86% ของกลุ่ม LGBTQIA+ ต้องการสินเชื่อบ้านที่ดอกเบี้ยต่ำกว่า 5% แต่ที่น่าสนใจคือ กลุ่ม Lesbian Gen Y และ Gay Gen Z กลับยอมรับดอกเบี้ยในช่วง 7.01–10% ได้ แสดงให้เห็นว่าความตั้งใจในการมีพื้นที่ชีวิตคู่ มีมากพอจะแลกกับภาระทางการเงินสูงขึ้นได้ หากได้บ้านในฝันหรือเงื่อนไขที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของตนเอง