O2O Marketing คืออะไร ผสมผสาน Online-Offline ยังไงให้ปัง

O2O Marketing คืออะไร ผสมผสาน Online-Offline ยังไงให้ปัง

แน่นอนว่าการทำธุรกิจในยุคปัจจุบัน ก็คงจะไม่ได้ทำผ่านแค่ช่องทางใดช่องทางหนึ่งอีกต่อไปแล้ว ในบทความนี้จะพาทุกคนมารู้จักว่า O2O Marketing คือ อะไร กับการนำเอาจุดแข็งของทั้งการตลาดในรูปแบบ Online และ Offline มาผสมผสานเข้าด้วยกัน

ยิ่งในยุคปัจจุบันที่โลกออนไลน์ค่อนข้างมีบทบาทสำคัญและส่งผลต่อพฤติกรรมการซื้อสินค้าและบริการของผู้บริโภค เช่น ซื้อขายของกันผ่าน Social Media หรือ E-Commerce ต่าง ๆ แต่ทั้งนี้บางแบรนด์ก็มีกลุ่มเป้าหมายที่อาจจะซื้อสินค้าจากที่หน้าร้านมากกว่า แต่ถ้าเป็นคนรุ่นใหม่ที่ใช้ Social Media ช่องทางออนไลน์ก็จะมีความเหมาะสมเช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ทั้งสองรูปแบบก็ล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ รวมถึงข้อจำกัดที่แตกต่างกันไป แต่ถ้าเราสามารถนำมาเชื่อมโยงและหาจุดที่เหมาะสมก็จะเป็นผลดีได้อย่างแน่นอน ซึ่งเราจะพาทุกคนมาดูกันต่อในส่วนถัดไปค่ะ

O2O Marketing คือ รูปแบบธุรกิจแบบ online-to-offline ถ้าพูดง่าย ๆ ให้เห็นภาพก็อย่างเช่นเวลาเราทำโฆษณาหรือสื่อสารถึงลูกค้าผ่านในช่องทางออนไลน์ เพื่อดึงดูดลูกค้าให้มาใช้จ่ายที่หน้าร้านค้าของเรา

หรือถ้าเกิดว่าเป็น O2O ที่อยู่ในรูปแบบของ offline-to-online บ้าง ก็จะเป็นการกระตุ้นให้ลูกค้าที่มาหน้าร้าน มีการติดตามหรือค้นหาข้อมูลของแบรนด์ในสื่อออนไลน์นั่นเอง

เพราะทุกวันนี้ถึงการทำธุรกิจผ่านช่องทางออนไลน์จะมีการเติบโตอยู่เสมอ แต่ก็ยังมีคนจำนวนมากที่ชอบและนิยมซื้อสินค้าผ่านหน้าร้านค้าที่เป็น Physical ด้วยเช่นกัน เพราะสินค้าหรือบริการหลาย ๆ อย่างก็อาจจะเหมาะสมกว่าหากคนได้มาทดลองก่อน ไม่ว่าจะลองจับ ลองสัมผัส ลองสวมใส่ ก่อนจะตัดสินใจซื้อ

จึงเป็นเหตุผลสำคัญว่าทำไมเราถึงควรผสมผสานประโยชน์จากทั้งสองรูปแบบ เพื่อนำมาออกแบบ Experience ให้ตอบสนองความต้องการหรือความคาดหวังของลูกค้าให้ได้ดีและส่งเสริมให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ถ้าจะพูดถึงเรื่องแพลตฟอร์มในการทำ O2O Marketing ว่าแพลตฟอร์มไหนถึงจะเหมาะสมดี อันนี้ก็คงต้องหันกลับมาดูกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ก่อนด้วย เช่น Twitter หรือ Instagram ที่เหมาะสำหรับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นวัยรุ่น ในขณะที่ Facebook อาจจะครอบคลุมได้กว้างขวางกว่า เป็นต้นค่ะ

ทั้งความต้องการและความคาดหวังของลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้นแบบไม่มีที่สิ้นสุด เราจะตอบสนองยังไงให้เขาพึงพอใจและเรายังคงรักษาลูกค้าเอาไว้ได้ การที่แบรนด์เราไม่ได้มีบริการแค่ช่องทางใดช่องทางหนึ่ง ก็เหมือนกับสร้างทางเลือกที่หลากหลายขึ้นให้กับลูกค้า

แล้วถ้าเรามีช่องทางการตลาดที่หลากหลายก็จะสามารถให้บริการลูกค้าทั้งในรูปแบบ Online และ Offline ได้ เพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันไปของลูกค้า ซึ่งก็จะช่วยรักษาฐานลูกค้าเอาไว้ด้วยเช่นกัน

ตัวอย่างกิจกรรมที่หลาย ๆ คนคงเคยเห็นก็จะเป็นเรื่องของการสร้างการมีส่วนร่วมในโลกออนไลน์ก่อนที่ลูกค้าจะไปที่หน้าร้าน อย่างเช่น ให้กดติดตาม ร่วมเล่นเกม หรือการประกวดไอเดียต่าง ๆ แล้วได้รับสิทธิ์เข้าร่วมงานออฟไลน์ เป็นต้น

สร้าง Experience ที่ดีด้วยการเชื่อมโยงประสบการณ์ Online กับ Offline เข้าด้วยกัน เช่น มีส่วนลดพิเศษให้ลูกค้าสแกนที่ร้านค้า เพื่อรับส่วนลดเมื่อชำระเงินผ่านช่องทางออนไลน์ หรือการแจ้งสต็อกสินค้า ให้ลูกค้าสั่งจองออนไลน์ก่อน แล้วค่อยมารับสินค้าได้ที่สาขา เป็นต้น

ทั้งนี้ถ้าเรามี Data ทั้งจากการซื้อขายแบบ Online และ Offline ก็สามารถนำมาพัฒนาปรับปรุงการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นไปอีกได้ด้วย คือวิเคราะห์และคาดการณ์พฤติกรรมลูกค้าได้ดีขึ้นในครั้งต่อ ๆ ไป ก็จะสามารถวางแผนกลยุทธ์ที่เหมาะสมมากขึ้น การสร้าง Experience ที่ดีให้กับลูกค้าก็จะดีมากขึ้นตาม

แน่นอนว่าการที่แบรนด์ไปปรากฏตัวหรืออยู่ในสายตาของลูกค้าหลาย ๆ ช่องทาง ทั้งในโลกออนไลน์และออฟไลน์ ย่อมเพิ่มการรับรู้และทำให้คนจำแบรนด์ได้มากขึ้น

อย่างเช่นธุรกิจความงาม ที่มักซื้อโฆษณาออนไลน์หรือมีภาพรีวิวให้เราเห็นอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงมีโปรพิเศษสำหรับลูกค้าออฟไลน์เช่นกัน ทั้งนี้พอเป็นช่องทางออนไลน์ นอกจากจะเคลื่อนไหวอยู่เสมอแล้ว ก็ควรใส่ใจกับการอัปเดตข้อมูลให้มีความล่าสุดสดใหม่อยู่เสมอด้วย

การสร้าง Brand Awareness ที่ทำผ่านทั้ง Online และ Offline ควบคู่กัน อย่างเช่น ร้านค้าเฟอร์นิเจอร์ที่อาจจะทำคอนเทนต์โพสต์บนลงใน Social Media พร้อมแนะนำเชิญชวนให้ลูกค้าลองมาเยี่ยมชมสินค้าจริงที่สาขาใกล้บ้านดู และมีส่วนลดหรือโปรโมชันจากในเพจ

หรือจะเป็นการแจกของรางวัลกิจกรรม ให้คนได้ร่วมลุ้นเป็นผู้โชคดี แลกกับการร่วมเล่นเกม อย่างเช่นให้แท็กเพื่อนใต้คอมเมนต์ กดติดตาม กดไลค์ เพจของแบรนด์ ซึ่งก็จะสร้างการรับรู้ในวงกว้างขึ้น และให้คนได้มีส่วนร่วมกับแบรนด์ เป็นต้น

ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการขนส่งและจัดเก็บสินค้า อย่างเช่นถ้าแบรนด์เรามีข้อเสนอให้ลูกค้าที่สั่งจองหรือสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ มีตัวเลือกในการให้เขามารับสินค้าได้ที่ร้านค้า ก็จะช่วยลดต้นทุนในการขนส่งสำหรับแบรนด์ 

ทั้งนี้มันก็เหมือนเป็นการสร้างโอกาส สร้างทางเลือก ให้ลูกค้าได้มีทางเลือกที่หลากหลายในการซื้อของ ไม่ว่าจะเป็นการสั่งซื้อสินค้า หรือมารับสินค้าได้ด้วยตัวเองไม่ต้องรอ รวมถึงช่องทางอื่น ๆ แล้วแต่ความต้องการ

ช่วยเพิ่มยอดขายและขยายฐานลูกค้า อย่างการดึงดูดลูกค้าออนไลน์ให้มาใช้จ่ายที่หน้าร้าน แต่ก็กระตุ้นให้ลูกค้าออฟไลน์เข้าถึงแบรนด์ผ่านช่องทางออนไลน์ได้ด้วย ซึ่งมันก็จะเพิ่มโอกาสในการขายและสร้างรายได้ให้กับแบรนด์ได้หลายช่องทางมากขึ้น

เช่น การมอบส่วนลดหรือสิทธิพิเศษให้ที่หน้าร้าน เมื่อลูกค้าแสดงหลักฐานการเห็นโฆษณาจากออนไลน์ อย่างคลินิกเสริมความงามเองก็มีโฆษณาออนไลน์ว่าหากแคปหน้านี้ ที่เป็น Influencer รีวิวจากในเพจ ก็จะได้ส่วนลดทำสวยที่หน้าร้าน เป็นต้น

ร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-11 เองก็ได้นำ O2O Marketing แบบ Online to Offline มาประยุกต์ใช้ในการให้บริการลูกค้าเช่นเดียวกันค่ะ

อย่างบริการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ผ่าน 7-11 Delivery ก็คือลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าจาก 7-11 ในช่องทางออนไลน์ได้เลย จากนั้นก็ค่อยไปรับสินค้าได้ที่สาขาใกล้บ้าน ซึ่งมันก็จะช่วยอำนวยความสะดวก สำหรับคนที่ไม่อยากเสียเวลาไปรอของหรือรอจ่ายเงินนั่นเอง นอนเลือกของอยู่บ้านได้แบบสบาย ๆ แล้วค่อยออกไปรับของ หรือจะเลือกให้มาส่งที่บ้านเลยก็ได้เช่นกันแล้วแต่สะดวก

รวมถึงบริการชำระเงินปลายทาง ที่เมื่อลูกค้าสั่งซื้อสินค้าออนไลน์เรียบร้อยแล้ว หากไม่มีบัตรเครดิตหรือยังไม่สะดวกชำระเงินออนไลน์ ก็สามารถมารับของแล้วชำระเงินที่ร้าน 7-11 ได้เช่นกัน

ทั้งนี้ 7-11 ก็ยังนำ Data ของการซื้อขายทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์มาวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า เพื่อนำไปพัฒนาปรับปรุงการให้บริการให้ดียิ่งขึ้นอีกด้วยนั่นเองค่ะ

LINE MAN นำ O2O มาใช้ด้วยการพัฒนาแอปพลิเคชันและบริการในออนไลน์ ที่นำมาเชื่อมต่อกับการรับสินค้าในจุดจริงนั่นเอง

เป็นแอปพลิเคชันที่ให้บริการในหลากหลายหมวดหมู่ เช่น LINE MAN Food สำหรับสั่งอาหาร, LINE MAN Ride บริการเรียกรถ, LINE MAN Mart สั่งสินค้าจากร้านต่าง ๆ หรือ LINE MAN Messenger ที่ให้บริการจัดส่งพัสดุ ซึ่งลูกค้าก็สามารถทำผ่านในออนไลน์ แล้วรอรับส่งสินค้า/อาหารได้ตามจุดที่กำหนด

อย่าง LINE MAN Food ที่มีฟีเจอร์ให้เลือก Pick up คือเราสามารถกดสั่งอาหารในออนไลน์ได้ตามปกติ แต่มีตัวเลือก Pick up ให้สามารถไปรับที่ร้านเองได้ สำหรับคนที่บ้านอยู่ใกล้ร้านมาก ๆ แต่ไม่ต้องไปรอคิวหรือไม่ต้องเสียค่าส่งนั่นเองค่ะ ซึ่งก็จะช่วยอำนวยความสะดวกและตอบโจทย์ความต้องการของคนได้หลากหลายขึ้น

ชวนรู้จัก O2O Marketing คืออะไร ผสาน Online-Offline ยังไงให้ปัง

เป็นยังไงกันบ้างคะสำหรับในบทความนี้ที่ได้พาทุกคนมารู้จักกับ O2O Marketing คืออะไร ผสมผสาน Online-Offline ยังไงให้ปัง ในยุคที่ลูกค้ามีความต้องการไม่มีที่สิ้นสุด และใครหลาย ๆ คนคงไม่ได้ทำธุรกิจผ่านแค่ช่องทางใดช่องทางหนึ่งอีกต่อไป หากเรารู้จักใช้ประโยชน์รวมถึงข้อจำกัดที่แตกต่างของสองรูปแบบนี้เป็น ก็จะสามารถเชื่อมโยงผสมผสานได้อย่างเหมาะสม และนำมาออกแบบ Experience ให้ตอบโจทย์ตรงใจลูกค้าได้อย่างแน่นอน

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะคะ แล้วมาเจอกันใหม่ในบทความหน้า ฝากติดตามด้วยนะคะ และทุกคนสามารถติดตามบทความด้านการตลาดเพิ่มเติมได้จากเพจการตลาดวันละตอนที่ เว็บไซต์  Facebook  Instagram  Twitter Youtube ได้เลยค่า

Source

Fern Panassaya

เฟิร์น Marketing Content Creator แห่งการตลาดวันละตอน รักแมวอ้วนและหมาโกลเด้น ตั้งใจสร้างสรรค์ทุกผลงาน ฝากเป็นกำลังใจและติดตามคอนเทนต์ใหม่ ๆ ต่อจากนี้ด้วยค่ะ <3

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *