สรุปหนังสือ Insanely Simple เรียบง่ายเป็นบ้า The Obsession That Drives Apple’s Success เขียนโดย Ken Segall ผู้เคยทำงานใกล้ชิด Steve Jobs ในฐานะนักโฆษณา ที่ค้นพบว่าที่ Apple ประสบความสำเร็จอย่างมหาศาล เพราะหมกมุ่นกับความเรียบง่ายมากที่สุด
ง่ายที่สุด แค่พูดความจริง
Ken Segall บอกไว้ว่า Steve Jobs ที่ถูกร่ำลือกันว่าเป็นคนพูดรุนแรง หยาบคาย ไม่ไว้หน้าใคร เสียมรรยาท หรือพฤติกรรมไม่ดีต่างๆ กันคนรอบข้างที่ร่วมงาน แต่ในความเป็นจริงอีกด้านเพราะ Steve Jobs นั้นแค่แสดงความเห็นอย่างตรงไปตรงมาเท่านั้นเอง
ดังนั้นความเรียบง่ายในการแสดงความเห็นที่ Steve Jobs มี คือการตรงไปตรงมากับสิ่งที่คิด ชอบบอกชอบ ไม่ชอบบอกไม่ดี ห่วยบอกห่วย ดีบอกดี
ส่วนตัวผมว่าน่าสนใจ นี่เป็นการรักษามรรยาทแบบ Steve Jobs พูดให้ชัดเจนตรงประเด็นไม่อ้อมค้อม ต่างฝ่ายต่างไม่ต้องเสียเวลากันและกัน ถ้ารับได้ก็ไปต่อ ถ้าไม่ก็แยกย้าย
หลายครั้งเรามักเข้าใจผิด คิดว่าเรากำลังทำงานที่สำคัญอยู่ เหมือนกับคนหนึ่งที่ Steve Jobs สัมภาษณ์ก่อนที่เขาจะเข้ามาดูแล Apple ในการทำโฆษณา
คนนั้นเล่าอย่างภูมิใจว่า เขาเคยดูแลแบรนด์ใหญ่อย่าง NIKE แต่ Steve Jobs ไม่เห็นด้วยและพูดทันทีว่า งานของคุณไม่ได้ทำสิ่งสำคัญ แค่ดูแลไม่ให้มันฉิบหายเท่านั้นเอง
ก็จริงนะครับ จะว่าไปแบรนด์อย่าง NIKE ก็ใหญ่และดังมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว จึงยากมากที่จะสร้าง New S Curve ขึ้นมาใหม่ ดังนั้นโฆษณาส่วนใหญ่จึงเป็นไปเพื่อทำให้ NIKE ยังคงยิ่งใหญ่ต่อไป หรือไม่ถูกคู่แข่งแบรนด์ใหม่เข้ามาเบียดได้ง่ายๆ
สมัยก่อน Apple ก็เช่นกัน ระบบปฏิบัติการ Mac OS นั้นมีราคาต้องจ่าย
แม้จะไม่แพงเท่า Windows แต่ก็ต้องเสียเงินอยู่ดี
ทาง Steve Jobs ในเวลานั้นจึงเกิดไอเดียว่า ทำไมเราไม่ทำ OS แจกฟรีแต่แลกกับการให้คนดูโฆษณาแทนหละ
เขาคิดขนาดว่า ถ้าเราเชื่อมต่อ Mac กับ Printer ที่บ้าน เมื่อไหร่ที่หมึกพิมพ์ใกล้จะหมด คอมพิวเตอร์จะขึ้นโฆษณาให้คุณเลือกซื้อหมึกพิมพ์ของแบรนด์ที่ลงโฆษณากับ Apple
ต้องยอมรับว่าเป็นไอเดียที่สุดยอดจริงๆ และนั่นก็กลายเป็น Apple Store ที่เราสามารถซื้อโปรแกรมต่างๆ บน Mac ลงเครื่องได้ทันทีโดยไม่ต้องซื้อแผ่น ตั้งแต่สมัยที่โปรแกรมต่างๆ ต้องซื้อแผ่นมาลงเครื่องทั้งนั้น
แต่สิ่งนี้ก็ถูกทำโดย Google แทนเรียบร้อย
เปิดระบบต่างๆ ให้ใช้ฟรีมากมาย แต่แลกกับการขอ Data ไปใช้ทำโฆษณาแบบ Personalized Marketing
ครั้งหนึ่งทีม Research เคยเอาข้อมูลที่ทำการบ้านมานานบอกกับ Steve Jobs ว่า กลุ่มวันรุ่นนั้นไม่ได้รู้สึกอะไรกับ Apple ที่เน้นยอดขาย Mac เท่าไหร่นัก (เป็นช่วงที่ Apple ยังไม่ออกสินค้าอย่าง iPod หรือ iPhone ครับ)
ทางเอเจนซี่โฆษณาบอกว่า Apple ควรปรับตัวเข้าหากลุ่มวัยรุ่นให้มากขึ้น
Steve Jobs เถียงทันที เราไม่สนใจวัยรุ่น เค้าไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายเราในตอนนี้ วัยรุ่นมีเงินซื้อคอมพิวเตอร์เราที่ไหน!
ใช่ครับ ในเวลานั้นคือแบบนั้น นี่คือความชัดเจนของ Steve Jobs รู้ชัดว่ากลุ่มเป้าหมายเป็นใคร ควรฟังเสียงใครและไม่ควรฟังเสียงใคร
เขาเลือกที่จะทำให้กลุ่มเป้าหมายที่ซื้อ Apple จริงๆ พอใจ ไม่ใช่ทำให้ทุกคนพอใจ แล้วก็ไม่มีใครสนใจ Apple เลย เหมือนที่หลายๆ แบรนด์พยายามทำ
แต่ Apple มองต่าง พวกเขาเลือกที่จะสร้างแบรนด์สะสมไปเรื่อยๆ ไม่ทำแคมเปญการตลาดลดราคาสินค้าเพื่อยอดขายระยะสั้น แต่เป็นการทำร้าย Brand Value ที่สร้างมาตั้งนาน
สิ่งที่ Steve Jobs ทำนั้นชัดเจน คือการทำให้ง่ายที่สุด อะไรไม่จำเป็นก็ทิ้งไป
แอพ iDVD ใน Mac OS ที่ถูกใจสาวก Apple หลายคนก่อนหน้านี้ เนื่องจากมันเป็นแอพที่ทำให้การ Burn แผ่น DVD เป็นเรื่องง่าย
จากหน้าตา User Interface วุ่นวาย ทาง Steve Jobs จึงรื้อทั้งหมดวใหม่ด้วยการวาดกล่องใบนึงขึ้นมาบนกระดาน จากนั้นก็วาดชิ้นไฟล์วิดีโอที่คนต้องการทำเป็นแผ่น DVD ออกมา
แล้วก็บอกว่ามันควรจะแค่ลากไฟล์วิดีโอที่ต้องการใส่ลงกล่อง จากนั้นก็กดปุ่มเดียวแล้วออกมาเป็น DVD ที่อยากได้
ทั้งหมดนี้คือเหตุผลเบื้องหลังความสำเร็จของ Apple เหตุใดสินค้า Apple ทั้งหลายจึงดูเรียบง่ายแต่กลับโดดเด่นอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะเขาเลือกทำแค่ในสิ่งสำคัญ ไม่พยายามเอาใจทุกคน รู้ชัดว่าใครคือกลุ่มเป้าหมาย แต่ความยากที่สุดของความง่าย คือพยายามต่อสู้ให้มันเรียบง่ายตลอดเวลา
ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ความลับ เป็นสิ่งที่ทุกคนรู้ แต่ไม่ใช่ทุกคนจะกลั้นใจทำได้ แบบที่ Steve Jobs และ Apple ทำตั้งแต่วันแรกๆ มาจนถึงทุกวันนี้
และนั่นเลยทำให้ Apple เป็นบริษัทเอกชนที่มีมูลค่าสูงสุดในโลกมั้งครับ
สรุปหนังสือ เล่มที่ 27 ของปี
สรุปหนังสือ Insanely Simple เรียบง่ายเป็นบ้า The Obsession That Drives Apple’s Success เมื่อ Steve Jobs ค้นพบหลักการความเรียบง่าย ผลลัพธ์ก็กลายเป็นความสำเร็จอย่างบ้าคลั่งของ Apple Ken Segall เขียน วิญญู กิ่งหิรัญวัฒนา แปล สำนักพิมพ์ WE LEARN