ทำความรู้จัก Google AdSense คือ อะไร ทำเงิน ได้จริงไหม?

จุดกำเนิด Google AdSense คือ อะไร ทำเงิน ได้จริงไหม?

สำหรับเพื่อน ๆ ที่เป็น Blogger และเจ้าของเว็บไซต์ น่าจะคุ้นเคยกับเครื่องมือสร้างรายได้สำหรับเว็บไซต์อย่าง “Google AdSense” อยู่แล้ว แต่อาจจะไม่ได้ทราบรายละเอียดมากนัก วันนี้ผู้เขียนก็เลยขออาสาพาเพื่อน ๆ ไปทำความรู้จักกับเจ้า Google AdSense ผ่านบทความ “เจาะลึก Google AdSense คือ อะไร ทำเงิน ได้จริงไหม?” ถ้าพร้อมแล้วไปอ่านต่อกันได้เลยค่า

ขอบคุณรูปภาพจาก Linkedin

Google AdSense คือ อะไร?

“Google AdSense” เป็นบริการที่ให้เปิดให้เราสร้างรายได้จากการเปิดพื้นที่บนเว็บไซต์ของเรา ให้สินค้า/บริการต่าง ๆ มาแสดงโฆษณา ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบข้อความ รูปภาพ โดยที่เราสามารถกำหนดพื้นที่โฆษณา และกำหนดประเภทของโฆษณาที่จะแสดงบนเว็บไซต์ของเราได้ด้วยตนเอง

Meet AdSense Publisher WikiHow

รู้หรือไม่?

  • AdSense เปิดตัวเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2003
  • จากการรายงานของ SimilarTech มีเว็บไซต์จากทั่วโลกที่เข้าร่วม Google AdSense แล้วกว่า 3,669,843 เว็บไซต์
  • มี Unique Domain แล้วกว่า 1,664,909 โดเมน
  • ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2018 87% ของรายได้รวมของ Google มาจากการโฆษณา คิดเป็นมูลค่า 24.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
  • Google AdSense รองรับการแสดงโฆษณาได้ถึง 46 ภาษา
  • AdSense ได้จัดหมวดหมู่โฆษณาไว้ถึง 450 หมวด อีก 16 หมวด ถูกจัดให้เป็นโฆษณาที่มีเนื้อหาละเอียดอ่อน หรือถูกจำกัด
  • ทุก ๆ ปี Google จ่ายเงินมากกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ให้กับผู้เผยแพร่โฆษณา

“Google AdSense” (ชื่อเดิม คือ Content Targeting Advertising) ถูกริเริ่มโดย Paul Buchheit, Susan Wojcicki, และ Sergey Brin เปิดตัวอย่างเป็นทางการใน วันที่ 4 มีนาคม 2003 โดยไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ เดิมชื่อ AdSense นั้น คือชื่อของคู่แข่งอย่าง Applied Semantics จากนั้น Google ก็ได้นำชื่อนี้มาใช้หลังจากที่ Google เข้าซื้อกิจการ Applied Semantics ในเดือนเมษายน 2003

ขอบคุณรูปภาพจาก The Daily

ซึ่งแต่เดิมนั้น Paul Buchheit ผู้ก่อตั้ง Gmail มีแนวคิดที่จะใช้พื้นที่ในตัวอีเมลในการให้เจ้าของแอคเคาน์เปิดเป็นพื้นที่สำหรับลงโฆษณา แต่ท้ายสุดเขาก็ต้องให้เครดิตความคิดนี้กับ Susan Wojcicki และ Sergey Brin เนื่องจาก Wojcicki คือคนที่บริหารจัดการทีม และรวบรวมแนวคิดนี้ไว้ โดยมี Brin เป็นผู้ให้การสนับสนุน

ขณะนั้นมีผู้ลงโฆษณาบางรายบ่นว่า AdSense ให้ผลลัพธ์ที่แย่กว่า AdWords (Google Ads ในปัจจุบัน) เนื่องจากเนื้อหาที่แสดงโฆษณานั้น เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในหน้าเว็บตามบริบท และเนื้อหานั้นไม่ตรงกับความต้องการเชิงพาณิชย์ของผู้ใช้

ตัวอย่างเช่น คนที่เรียกดูบล็อกเกี่ยวกับดอกไม้โดยเฉพาะ มีแนวโน้มที่จะสนใจสั่งซื้อดอกไม้น้อยกว่าคนที่ค้นหาคำที่เกี่ยวข้องกับดอกไม้ ด้วยเหตุนี้ ในปี 2004 Google จึงอนุญาตให้ผู้ลงโฆษณาสามารถเลือกไม่ใช้เครือข่าย AdSense ได้

Timeline ต่าง ๆ ของ Google AdSense

  • ปี 2009 – Google AdSense ประกาศว่าจะนำเสนอคุณลักษณะใหม่ ๆ รวมถึงความสามารถในการ “เปิดใช้งานหลายเครือข่ายเพื่อแสดงโฆษณา”
  • ปี 2010 – Google AdSense เริ่มใช้ประวัติการค้นหาในการจับคู่ตามบริบทเพื่อนำเสนอโฆษณาที่เกี่ยวข้องมากขึ้น
  • ปี 2014 – Google AdSense ได้เปิดตัวแคมเปญใหม่ที่เป็น Direct Campaign ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ผู้เผยแพร่โฆษณาสามารถขายโฆษณาได้โดยตรง

ก่อนหน้านี้ Google ได้ทดสอบบริการประเภทต้นทุนต่อการดำเนินการ แต่ได้ตัดสินใจล้มเลิกในเดือนตุลาคม 2551 ปัจจุบัน AdSense ประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยในแต่ละปี Google จ่ายเงินมากกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ให้กับผู้เผยแพร่โฆษณาโดยใช้โปรแกรมของพวกเขา

การให้เช่าพื้นที่โฆษณาด้วย AdSense ยังคงเป็นวิธีที่น่าสนใจ ในการสร้างรายได้จากเว็บไซต์ออนไลน์ในปัจจุบัน และยังเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าสำหรับผู้ที่กำลังมองหาะื้นที่ในการทำการตลาดโฆษณาออนไลน์ โดยข้อมูลจาก ONE HOUR PROFESSOR และ SimilarTech เผยว่า

  • อุตสาหกรรมที่มีการใช้ Google AdSense มากที่สุดก็คือ “อุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และเทคโนโลยี”
  • Google รายงานว่า ปัจจุบันมีเว็บไซต์ที่สร้างรายได้ด้วย AdSense แล้วกว่า 2 ล้านเว็บไซต์ จากทั่วโลก
  • AdSense และทรัพย์สินอื่นๆ ของ Google เข้าถึงผู้ใช้อินเทอร์เน็ตได้มากกว่า 90% ทั่วโลก
  • มีเว็บไซต์ที่เป็นลูกค้าของ Google AdSense แล้วกว่า 83,641,810 เว็บไซต์ ทั่วโลก
  • 430,200 เว็บไซต์คือผู้ใช้ AdSense ในสหรัฐอเมริกา
  • มี Unique Domain แล้วกว่า 1,659,194 โดเมน
  • ทุก ๆ ปี Google จ่ายเงินมากกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์เหรียญสหรัฐฯ ให้กับผู้เผยแพร่โฆษณา
  • อุตสาหกรรมที่นิยมใช้ AdSense มากที่สุด คือ คอมพิวเตอร์, อิเล็กทรอนิกส์, และเทคโนโลยี
  • มีหมวดหมู่ Sensitive Content ทั้งหมด 19 หมวดหมู่ ซึ่งรองรับโฆษณาใน 17 ประเทศ
  • รายงานการแสดงผล และการคลิกจะอัปเดตทุก ๆ 15 – 30 นาที
ขอบคุณรูปภาพจาก SimilarTech
เจาะลึก Google AdSense คือ อะไร ทำเงิน ได้จริงไหม?
ขอบคุณรูปภาพจาก SimilarTech

โดยการให้เช่าพื้นที่โฆษณาบนหน้าเว็บไซต์กับ Google AdSense นั้น จะมีที่มาของรายได้จาก 2 ทาง ดังนี้

  • Pay Per Impression จ่ายเมื่อมีผู้เข้าชมเว็บไซต์ของเราที่ติดโฆษณาจาก AdSense ครบ 1,000 ครั้ง โดยประมาณแล้ว Google จะจ่ายให้เราประมาณ 0.2 – 2.5 ดอลลาร์สหรัฐฯ ขึ้นอยู่กับข้อตกลง และปัจจัยอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างเจ้าของโฆษณา และเจ้าของเว็บไซต์)
  • Pay Per Click จ่ายเมื่อมีคนคลิกที่โฆษณา ส่วนมูลค่าต่อคลิกนั้นไม่ตายตัว ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ค่าความต้องการของคนที่ต้องการจะลงโฆษณาในหน้าเว็บไซต์ของเรา, งบประมาณที่เจ้าของโฆษณาจ่ายให้กับ Google เพื่อลงโฆษณาที่หน้าเว็บไซต์ของเรา

Cost Per Click โดยเฉลี่ยที่ผู้ลงโฆษณาจ่ายสำหรับโฆษณาประกันภัยในสหรัฐอเมริกา คือ 17 ดอลลาร์เหรียญสหรัฐฯ

เจาะลึก Google AdSense คือ อะไร ทำเงิน ได้จริงไหม?
เจาะลึก Google AdSense คือ อะไร ทำเงิน ได้จริงไหม?
เจาะลึก Google AdSense คือ อะไร ทำเงิน ได้จริงไหม?
เจาะลึก Google AdSense คือ อะไร ทำเงิน ได้จริงไหม?

Google AdSense vs. Google Ads

เจาะลึก Google AdSense คือ อะไร ทำเงิน ได้จริงไหม?
ขอบคุณรูปภาพจาก MemberPress และ Wikipedia

Google AdSense เป็นบริการที่ต่างจาก Google Ads (เดิมชื่อ Google AdWords) อย่างสิ้นเชิง 

  •  “Google AdSense” นั้นเป็นโปรแกรมสำหรับช่วยให้เจ้าของเว็บไซต์สร้างรายได้จากเว็บไซต์ หรือบล็อกของตนโดยให้เช่าพื้นที่ในการโฆษณา
  • “Google Ads” เป็นแพลตฟอร์มการโฆษณาที่ช่วยให้ธุรกิจ และบุคคลทั่วไป โพรโมตสินค้า/บริการของตนบนเครือข่ายโฆษณาของ Google เอง เช่น Google Search, Youtube, และเว็บไซต์ที่ได้สมัครใช้งานกับ Google AdSense

ข้อแตกต่างที่สำคัญ คือ AdSense ช่วยให้ผู้เผยแพร่โฆษณาสร้างรายได้จากการวางโฆษณา ในขณะที่ Google Ads อนุญาตให้ผู้ลงโฆษณาจ่ายเงินเพื่อแสดงโฆษณาบนเครือข่ายของตน

AdSense มีประโยชน์อย่างมากสำหรับ Blogger และเจ้าของเว็บไซต์ ซึ่งนอกจากจะเปลี่ยนหน้าเว็บไซต์ของเราให้เป็นพื้นที่สร้างรายได้แล้ว ยังอำนวยความสะดวกเราให้สร้างรายได้ได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น

  • สร้างรายได้จากการโฆษณา : โดยการใช้พื้นที่บนเว็บไซต์ของเรามาทำเป็นพื้นที่โฆษณา โดยที่เราไม่ต้องขายสินค้า/บริการตรง ๆ ไม่ต้องทำการตลาด โดยรายได้นั้นจะมาจากการคลิก ดู เข้าชมของผู้เข้าชมเว็บไซต์ (ต้องเป็นคลิก ดู ชมจากหน้าเว็บของเราเท่านั้นนะ)
  • ให้ผู้จัดการโฆษณาเองได้ : AdSense มอบความสะดวกแก่เจ้าของเว็บไซต์ในการจัดการโฆษณา โดยที่เราสามารถปรับแต่งรูปแบบได้ทั้งข้อความ, รูปภาพ สามารถกำหนดตำแหน่งของโฆษณาได้ตามต้องการ รวมไปถึงให้เราสามารถกำหนดเงื่อนไขต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแสดงโฆษณาได้ เช่น การจำกัดจำนวนโฆษณาที่แสดงต่อหน้า หรือการแสดงโฆษณาเฉพาะบนหน้าบางหน้าของเว็บไซต์
ขอบคุณภาพจาก Google AdSense
  • เพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์ : การมีโฆษณาจาก AdSense ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์ เนื่องจาก Google มีชื่อเสียงและเป็นบริษัทที่มั่นคง ทำให้ผู้เยี่ยมชมมีความเชื่อมั่นมากขึ้นต่อเว็บไซต์
  • การวิเคราะห์ ติดตามผลประสิทธิภาพ : AdSense มีเครื่องมือที่ช่วยในการวิเคราะห์ และติดตามประสิทธิภาพของการทำโฆษณา เราสามารถดูข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการคลิก การแสดงความสนใจ และผลประโยชน์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโฆษณาบนหน้าเว็บของเราได้
  • การจัดการบัญชี : โดยเจ้าของเว็บไซต์สามารถติดตามรายได้ และปรับแต่งการตั้งค่าของบัญชี AdSense ของตนได้ผ่านทางแผงควบคุมออนไลน์
  • การช่วยเหลือและการสนับสนุน : เราสามารถรับการช่วยเหลือ และสนับสนุนได้ ตามช่องทางต่าง ๆ ของ AdSense ซึ่งก็มีตั้งแต่การให้คำแนะนำในการเพิ่มรายได้ และศูนย์ช่วยเหลือออนไลน์
  • ไม่ต้องมีความรู้เฉพาะทางด้านการขาย : เราไม่จำเป็นต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญตัวจริงทางด้านการขายเลยค่ะ เนื่องจากการใช้ AdSense ไม่ต้องการการขายแบบขายตรง เพียงแค่ต้องการพื้นที่ในการแสดงโฆษณาสิ่งที่ผู้เข้าชมในเว็บไซต์นั้น ๆ สนใจก็เท่านั้น

เมื่อเราสร้าง Google AdSense Account แล้ว ตัวระบบจะตรวจสอบเว็บไซต์ เพื่อให้แน่ใจว่าเว็บไซต์ของเรานั้นสอดคล้องกับนโยบายที่ Google AdSense กำหนด เมื่อได้รับการอนุมัติแล้ว ก็จะต้องเพิ่มโค้ดลงในไซต์ จากนั้นก็เลือกรูปแบบ และทำเลที่เราต้องการให้โฆษณานั้นปรากฏได้เลย

ขอบคุณภาพจาก Google AdSense

โดยรูปแบบของโฆษณาประกอบด้วย “In-page” (ภายในเนื้อหาหลัก) “Anchor” (ขอบหน้าจอ) และ “Vignette” (กลางจอ)

AdSense นั้นจะใช้การประมูลเพื่อเลือกโฆษณาที่จะปรากฏบนเว็บไซต์ของเรา โดยปกติแล้วใครก็ตามที่เสนอราคาสูงสุดจะเป็นผู้ชนะ

Google จะขอให้เราเพิ่มข้อมูลการชำระเงิน และรายละเอียดส่วนบุคคลเพื่อให้สามารถรับเงินได้ เมื่อเราดำเนินการเสร็จแล้ว Google จะจ่ายเงินให้คุณทุกสิ้นเดือนสำหรับการคลิก การแสดงผล และการโต้ตอบอื่น ๆ กับโฆษณาที่แสดงบนเว็บไซต์ของเรา โดยส่วนแบ่งที่เราจะได้อยู่ที่ 68% ของรายได้จากโฆษณาที่ Google ได้รับ

เพราะ “การโฆษณา” เป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ และ Google AdSense เองก็เข้ามาช่วยให้เหล่า Blogger และเจ้าของเว็บไซต์ต่าง ๆ สามารถสร้างรายได้จากการโฆษณาได้มากขึ้น และถึงแม้ว่า Google AdSense จะเป็นผู้ควบคุมตลาดโฆษณา แต่ก็ยังมีทางเลือกอื่น ๆ ที่อาจจะเหมาะกับเว็บไซต์ของเพื่อน ๆ มากกว่า Adsense ก็เป็นได้ อย่างไรก็ตามก่อนเลือกใช้เครื่องมือใด ๆ ควรศึกษาให้เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง เพื่อให้ป้องกันข้อผิดพลาด และให้เพื่อน ๆ ได้ใช้งานเครื่องมือนั้น ๆ ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

บทความดี ๆ  อ่านได้ทุกที่ ทุกเวลา ตามไปอ่านกันต่อได้เลยที่

"แตงกวา" - ชอบภูเขา หลงรักทะเล หาเงินไปเล่นเซิร์ฟที่แหลมหญ้า กินกาแฟเพื่อมีชีวิตรอด นอนน้อยเป็นกิจวัตร ชอบกินเป็นชีวิตจิตใจ ตั้งใจเขียนงานมาก เพราะทุกคนต้องได้อ่านผลงานที่ดีที่สุด!

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *