ต้องบอกว่าทุกวันนี้ความสัมพันธ์ระหว่างครีเอเตอร์กับแบรนด์ไม่ใช่แค่การ “จ้าง” แล้วจบ แต่กลายเป็นความร่วมมือระยะยาวมากขึ้น หนึ่งในตัวช่วยสำคัญที่กำลังมาแรง คือฟีเจอร์ที่เปิดให้ แบรนด์สามารถโปรโมตเนื้อหาของครีเอเตอร์โดยตรง ผ่านระบบ “โฆษณาที่ได้รับสปอนเซอร์” หรือชื่อเดิมที่หลายคนคุ้นกันในชื่อ “Branded Content Ads ” บทความนี้เลยจะพามาเจาะลึกการ โปรโมตโพสต์ โฆษณาที่ได้รับสปอนเซอร์ แท็ก Branded Content บน Facebook และ Instagram ค่ะ
โฆษณาที่ได้รับสปอนเซอร์ หรือ แท็ก Branded Content คืออะไร?
โฆษณาประเภทนี้คือการที่แบรนด์นำเนื้อหาที่ครีเอเตอร์ผลิตขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นโพสต์ สตอรี่ หรือคลิป Reels ไปโปรโมตต่อในนามของแบรนด์ โดยที่ชื่อและโปรไฟล์ของครีเอเตอร์ยังคงปรากฏอยู่ แต่มีการติดป้าย “ได้รับสปอนเซอร์” กำกับไว้ ทำให้คนดูรู้ว่าโพสต์นี้มีแบรนด์อยู่เบื้องหลังการโปรโมต
สิ่งที่ต่างจากการ Boost หรือ Ads ทั่วไป คือโพสต์ต้นฉบับมาจากครีเอเตอร์ ไม่ใช่จากแบรนด์เอง ซึ่งช่วยเสริมความน่าเชื่อถือ และให้กลิ่นอายแบบเนื้อหาออร์แกนิกมากขึ้นค่ะ โดยครีเอเตอร์มีสิทธิ์เลือกว่าจะอนุญาตให้แบรนด์โปรโมตโพสต์ของตนผ่าน 2 ช่องทางหลัก ได้แก่
1. แบบ “อนุญาตตรง” โดยแท็กแบรนด์ เหมาะสำหรับครีเอเตอร์ที่ทำงานกับแบรนด์ระยะยาว และต้องการความสะดวก แค่เลือกแบรนด์พาร์ทเนอร์และเปิดสิทธิ์ “อนุญาตให้โปรโมตได้” แบรนด์ก็สามารถใช้โพสต์นั้นทำ Sponsored Ads ได้ทันทีผ่าน Ads Manager โดยไม่ต้องขอรหัส
2. แบบ “ใช้รหัสโฆษณา” (Partnership Ad Code) เหมาะกับการทำงานเป็นครั้งคราว หรืออยากควบคุมโพสต์ต่อโพสต์ ครีเอเตอร์สามารถเปิดตัวเลือก “รับรหัสโฆษณาที่ได้รับสปอนเซอร์” เพื่อให้แบรนด์นำรหัสนั้นไปใช้ยิงแอดได้ โดยไม่ต้องแท็กแบรนด์ไว้ล่วงหน้า โดยรหัสนี้สามารถแชร์ให้พาร์ทเนอร์นำไปใช้ทำโฆษณาได้เลย โดยหนึ่งรหัสใช้กับพาร์ทเนอร์ได้ไม่เกิน 2 รายค่ะ
แม้จะอยู่ในระบบเดียวกัน แต่การเปิดสิทธิ์การโปรโมตใน Instagram และ Facebook มีรายละเอียดปลีกย่อยที่ต่างกันอยู่ด้วยค่ะ อย่างบน Instagram ครีเอเตอร์สามารถเปิดสิทธิ์ได้ตั้งแต่ตอนสร้างโพสต์ ไม่ว่าจะเป็นโพสต์ฟีด สตอรี่ หรือคลิป Reels โดยเลือกแท็บ “ป้ายได้รับสปอนเซอร์และโฆษณาที่ได้รับสปอนเซอร์” และใส่ชื่อแบรนด์พาร์ทเนอร์เพื่อแท็ก จากนั้นสามารถเปิดสิทธิ์ให้โปรโมตได้ทันที หรือเลือกใช้รหัสก็ได้ตามต้องการค่ะ
ขณะที่บน Facebook จะรองรับเฉพาะโพสต์และ Reels เท่านั้น สตอรี่และข้อความล้วนยังไม่สามารถใช้ในลักษณะนี้ได้ โดยการเปิดสิทธิ์ทำได้จากหน้าโพสต์เลยทันที แค่แตะจุดสามจุดมุมขวา แล้วเลือก “แชร์รหัสโฆษณา” หรือ “แท็กพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ” ก็จะเข้าสู่กระบวนการเปิดสิทธิ์ให้โปรโมตได้ค่ะ ซึ่งวิธีการเปิดสิทธิ์แบบละเอียดนั้นจะอธิบายในส่วนถัดไปค่ะ
วิธีเปิดสิทธิ์ให้แบรนด์โปรโมตโพสต์ของคุณ (Instagram / Facebook)
วิธีอนุญาตให้แบรนด์โปรโมตโพสต์บน Facebook
มอบสิทธิ์การอนุญาตในการโปรโมทเนื้อหาด้วยการ แท็กแบรนด์ (ระหว่างสร้างโพสต์)
สร้างโพสต์หรือคลิป Reels ในแอป Facebook
แตะ “แท็กพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ”
พิมพ์ชื่อแบรนด์ แล้วเปิดตัวเลือก “อนุญาตให้ธุรกิจโปรโมทโพสต์นี้ได้”
โพสต์ได้ทันที แล้วโพสต์นั้นจะพร้อมใช้งานเป็น Sponsored Ad โดยแบรนด์ทันที
แต่หนึ่งปัญหาที่มักพบในการ แท็กแบรนด์บน Facebook คือ แบรนด์พาร์ทเนอร์ธุรกิจ มักไม่ได้เปิดอนุมัติการแท็ก ทำให้เราไม่สามารถแท็กแบรนด์นั้น ๆ ได้ค่ะ ซึ่งวิธีแก้ไขแบรนด์ต้องไปอนุมัติก่อนผ่านแจ้งเตือน หรือ Meta Business Suite
วิธีการแก้ไข
1. แก้ไขโดยการเข้าไปที่Meta Business Suite 2. มองหา เครื่องมือทั้งหมด หรือ All Tools 3. เลื่อนแถบเครื่องมือลงมาจนเจอคำว่า ตัวจัดการแบรนด์ร่วมกันของ Meta หรือ Meta Brand Collabs Manager 4. เมื่อกดเข้าไปแล้ว สังเกตด้านขวามือหาคำว่า Branded Content 5. หาคำว่า อนุญาตแท็ก หรือ Tagging Approvals 6. เลือก เปิด/ปิด ตรงนี้ได้เลยค่ะ
โดยการเปิดไว้ คือ จะอนุญาตเฉพาะเฉพาะเพจที่ได้รับอนุมัติแล้วที่สามารถแท็กเราในโพสต์เนื้อหาที่มีแบรนด์ได้ ซึ่งถ้าเราอยากได้เพจไหนก็สามารพิมพ์ชื่อเพจ เพื่อส่งคำขอไปได้ค่ะ
ส่วนการปิด คือ อนุญาตให้แท็กทุกเพจสามารถแท็กเราในโพสต์เนื้อหาที่มีแบรนด์ได้ค่ะ ไม่จำเป็นต้องส่งขอมาก่อน ยกเว้นเพจที่เราบล็อกไว้ เพจเหล่านั้นก็จะไม่สามารถแท็กเราได้ค่ะ
มอบสิทธิ์การอนุญาตในการโปรโมทเนื้อหา รหัสโฆษณา (หลังโพสต์แล้ว)
ไปที่โพสต์หรือ Reels ที่ต้องการแชร์รหัส
แตะ “…” มุมขวาบน แล้วเลือก “แชร์รหัสโฆษณาที่ได้รับสปอนเซอร์”
เปิดตัวเลือก “รับรหัสโฆษณาที่ได้รับสปอนเซอร์”
ระบบจะแสดงรหัสเฉพาะของโพสต์นั้นขึ้นมา
คัดลอกหรือแชร์รหัสไปให้แบรนด์ได้เลย แบรนด์สามารถใช้รหัสนี้เพื่อยิงแอดผ่าน Ads Manager ได้ทันที โดยโพสต์นั้นจะขึ้นป้าย “ได้รับสปอนเซอร์” พร้อมชื่อครีเอเตอร์
โดยแบรนด์สามารถ นำรหัสที่ได้ ทั้งจาก Facebook หรือ IG ไปใส่ในตัวจัดการโฆษณา ในระดับเลเวลโฆษณาได้เลยค่ะ ซึ่งจะเห็นว่าจะเลือกได้ทั้งการป้อนรหัสโฆษณา หรือ เลือกการเป็นพาร์ทเนอร์ ถ้าเราได้รับเป็นรหัสมาก็เลือก “ป้อนรหัสโฆษณา” ค่ะ
ซึ่งถ้าเราต้องการให้ชื่อของเรา ขึ้นในโพสต์สปอนเซอร์เหมือนเป็นการแท็กแบรนด์ ก็เลือกเพิ่มตัวตนที่สอง แล้วใส่เป็นเพจของเราค่ะ
วิธีอนุญาตให้แบรนด์โปรโมตโพสต์บน Instagram
มอบสิทธิ์การอนุญาตในการโปรโมทเนื้อหาด้วยการ แท็กแบรนด์ ระหว่างสร้างโพสต์ (ฟีด / สตอรี่ / Reels)
สร้างโพสต์ตามปกติในแอป Instagram
ก่อนโพสต์ ให้ไปที่ More options แตะ “ป้ายได้รับสปอนเซอร์และโฆษณาที่ได้รับสปอนเซอร์”
กดเลือกแบรนด์พาร์ทเนอร์ที่ต้องการแท็ก
เปิดตัวเลือก “อนุญาตให้แบรนด์พาร์ทเนอร์โปรโมทได้”
กดโพสต์ได้เลย แบรนด์จะสามารถเลือกโพสต์นี้ไปยิงแอดจากฝั่ง Ads Manager ได้ทันที
มอบสิทธิ์การอนุญาตในการโปรโมทเนื้อหาด้วยการ แท็กแบรนด์ หลังโพสต์แล้ว
ในแอพ Instagram ให้เลือกโพสต์ สตอรี่ หรือคลิป Reels ที่คุณต้องการเปลี่ยนเป็นโฆษณาที่ได้รับสปอนเซอร์
แตะ ตัวเลือก ที่ด้านขวาบน สำหรับสตอรี่ ให้แตะ ตัวเลือก ที่ด้านขวาล่าง
แตะ “ป้ายได้รับสปอนเซอร์และโฆษณาที่ได้รับสปอนเซอร์”
เปิดตัวเลือก “เพิ่มป้าย “ได้รับสปอนเซอร์””
แตะเพิ่มแบรนด์พาร์ทเนอร์ เลือกแบรนด์พาร์ทเนอร์ที่ต้องการแท็ก
เปิดตัวเลือก “อนุญาตให้แบรนด์พาร์ทเนอร์โปรโมทได้”
แตะ “เรียบร้อย”
มอบสิทธิ์การอนุญาตในการโปรโมทเนื้อหา “รหัสโฆษณา” ระหว่างสร้างโพสต์ (ฟีด / สตอรี่ / Reels)
ในแอพ Instagram ให้เลือกโพสต์ สตอรี่ หรือคลิป Reels ที่คุณต้องการเปลี่ยนเป็นโฆษณาที่ได้รับสปอนเซอร์
แตะ ตัวเลือก ที่ด้านขวาบน สำหรับสตอรี่ ให้แตะ ตัวเลือก ที่ด้านขวาล่าง
แตะ “ป้ายได้รับสปอนเซอร์และโฆษณาที่ได้รับสปอนเซอร์”
เปิดตัวเลือก “รับรหัสโฆษณาที่ได้รับสปอนเซอร์”
5. หลังโพสต์แล้ว ระบบจะสร้างรหัสให้ 6. คัดลอกหรือแชร์รหัสให้แบรนด์นำไปยิงแอดได้เลย
มอบสิทธิ์การอนุญาตในการโปรโมทเนื้อหา “รหัสโฆษณา” หลังโพสต์ไปแล้ว
ไปที่โพสต์/สตอรี่/คลิป Reels ที่ต้องการ
แตะ “…” มุมขวาบน แล้วเลือก “ป้ายได้รับสปอนเซอร์และโฆษณาที่ได้รับสปอนเซอร์”
เพิ่มแบรนด์พาร์ทเนอร์ แล้วเปิด “อนุญาตให้แบรนด์โปรโมทได้”
กดยืนยันอีกครั้ง เท่านี้แบรนด์ก็ยิงแอดจากโพสต์เดิมได้แล้วค่ะ
ถึงแม้โพสต์นั้นไม่ได้แท็กแบรนด์ไว้ก่อน ก็สามารถแชร์รหัสให้แบรนด์ใช้ได้เช่นกัน ต่างจากการอนุญาตแบบแท็ก ที่ต้องเลือกแบรนด์ก่อนค่ะ รวมทั้งครีเอเตอร์สามารถ “หยุดใช้รหัส” ได้ทุกเมื่อ โดยการกลับมา “ปิด” ตัวเลือกนั้นในโพสต์ และตอนนี้บน Facebook จะยังไม่รองรับการใช้รหัสกับสตอรี่หรือโพสต์แบบข้อความล้วนค่ะ
สำหรับฝั่งแบรนด์แล้ว ฟีเจอร์โฆษณาที่ได้รับสปอนเซอร์ถือเป็นเครื่องมือที่ช่วยลดความซับซ้อนในการทำงานกับครีเอเตอร์ไปได้หลายขั้นตอน แบรนด์ไม่จำเป็นต้องรอให้ครีเอเตอร์ส่งไฟล์ต้นฉบับมาให้ เพียงแค่ครีเอเตอร์เปิดสิทธิ์ในการโปรโมต โพสต์นั้นก็สามารถนำไปยิงแอดได้ทันที พร้อมทั้งยังสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายและวางงบประมาณโฆษณาได้เองตามกลยุทธ์ที่วางไว้ ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดคือ แบรนด์จะได้ใช้คอนเทนต์ที่ดู “จริง” กว่าโฆษณาทั่วไป เพราะมาจากเสียงของครีเอเตอร์ที่ผู้คนติดตามและไว้ใจค่ะ
ในขณะเดียวกัน ครีเอเตอร์เองก็ได้รับประโยชน์อย่างมากจากระบบนี้ เพราะเป็นการเปิดโอกาสให้คอนเทนต์ที่เคยโพสต์ไปแล้ว เข้าถึงกลุ่มผู้ชมใหม่ ๆ ได้แบบไม่ต้องลงทุนอะไรเพิ่มเติม อีกทั้งยังสามารถควบคุมได้ว่าโพสต์ไหนจะให้แบรนด์ใดโปรโมตบ้าง ช่วยรักษาความน่าเชื่อถือของตัวเองไว้ได้ดี และในบางกรณีก็ยังเป็นช่องทางเพิ่มรายได้จากคอนเทนต์เดิมที่เคยโพสต์ไว้โดยไม่ต้องผลิตเนื้อหาใหม่เลยด้วยซ้ำค่ะ
ขอบคุณภาพจาก Shutterstock AI Generator Prompt : A split-screen concept showing a content creator posting on Instagram and a brand running Facebook Ads from the same post. Include visual cues like a “Sponsored” tag, partnership handshake icon, and ad targeting dashboard. The style should be modern, clean, and professional, with social media UI elements clearly visible.
สิ่งที่แบรนด์ควรทำคือพูดคุยกับครีเอเตอร์ให้ชัดเจนว่าโพสต์ใดจะใช้ทำ Sponsored Ads ได้บ้าง และควรตกลงรูปแบบก่อนล่วงหน้า ส่วนฝั่งครีเอเตอร์เองก็สามารถวางแผนสร้างโพสต์ที่มีคุณสมบัติพร้อมใช้งานโฆษณาได้ตั้งแต่ต้น เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสในการขยายผลที่มากขึ้นค่ะ
อย่างไรก็ตาม ก่อนจะใช้ฟีเจอร์นี้ สิ่งที่ต้องคำนึงถึงเป็นลำดับแรก คือเนื้อหาของครีเอเตอร์ต้องเป็นไปตามนโยบายของ Meta ทั้งในส่วนของ Branded Content และ Sponsored Ads หากมีส่วนใดไม่เข้าเกณฑ์ ระบบจะแจ้งเตือนทันที และจะไม่สามารถเปิดใช้ฟีเจอร์นี้ได้
นอกจากนี้ หากครีเอเตอร์ทำการ เก็บโพสต์ไว้ (Archive) บน Instagram โพสต์นั้นยังสามารถถูกโปรโมตต่อได้ แต่ถ้าเป็น Facebook การจัดเก็บโพสต์จะ ยกเลิกสิทธิ์การโปรโมตทันที ค่ะ
และนี่คือ เจาะลึกการโปรโมตโพสต์ โฆษณาที่ได้รับสปอนเซอร์ แท็ก Branded Content บน Facebook และ Instagram ถ้าชอบ หรือ สนใจอยากอ่านบทความด้านการตลาดแบบนี้อีก ผู้เขียนฝากติดตามด้วยนะคะ หรือ ถ้าใครอยากให้ผู้เขียนนำมุมมองการตลาดแบบไหนมาเล่าให้ฟัง สามารถคอมเมนต์บอกกันได้เลยนะคะ
สำหรับนักอ่านที่ชอบ และ อยากอ่านบทความเกี่ยวกับการตลาดเพิ่มเติม รวมถึงข่าวสารด้านการตลาดต่าง ๆ สามารถติดตามได้จาก เพจการตลาดวันละตอน รวมไปถึง Twitter Instagram YouTube ของการตลาดวันละตอนได้เลยนะคะ แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้าค่ะヽ(•‿•)ノ
Source