เจาะลึก 5 กลยุทธ์สำคัญ จากแบรนด์ธรรมดาสู่การเป็น Super Brands จาก VML

ไม่กี่วันที่ผ่านมานี้เอง VML Thailand ได้เปิดตัวเครื่องมือ BAV (Brand Asset Valuator) ซึ่งต้องบอกว่าเป็นเครื่องมือวิจัยแบรนด์ที่ล้ำหน้าและทรงพลังมาก ๆ ครับ เป็นการผสมผสานการใช้ Big Data กับการวิเคราะห์เชิงลึก เพื่อช่วยให้เหล่านักการตลาดสามารถเข้าใจได้อย่างชัดเจนว่าแบรนด์ของพวกเขามีพลังขนาดไหนในสายตาผู้บริโภค และที่สำคัญยังเข้าใจว่าผู้บริโภคมีความรักต่อแบรนด์แค่ไหนครับ นอกจากนี้จะพามาเจาะลึก 5 กลยุทธ์ สำคัญ ว่าทำยังไงให้แบรนด์ธรรมดากลายเป็น Super Brands ครับ

สิ่งที่ทำให้ BAV โดดเด่นก็คือฐานข้อมูลขนาดใหญ่ที่รวบรวมการวิจัยจากแบรนด์ทั่วโลกมากกว่า 60,000 แบรนด์ และคนที่เข้ามาให้ข้อมูลในการวิจัยมากกว่า 2.5 ล้านคน จากกว่า 50 ประเทศ ต้องบอกว่าข้อมูลนี้ถูกเก็บมานานกว่า 30 ปี ตั้งแต่ปี 1993 ดังนั้น BAV จึงไม่ได้แค่เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ธรรมดา แต่เป็นเหมือนสารานุกรมของแบรนด์ ที่ทำให้เราเห็นภาพรวมของแบรนด์แต่ละตัวในตลาดได้อย่างชัดเจนครับ

ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ที่กำลังรุ่งพุ่งแรงหรือแบรนด์ที่เริ่มตกลง เครื่องมือนี้จะช่วยให้เหล่านักการตลาดเข้าใจได้ว่าอะไรคือจุดแข็ง จุดอ่อน และที่สำคัญคือ อะไรที่ทำให้ผู้บริโภครู้สึกผูกพันกับแบรนด์ สิ่งนี้ทำให้นักการตลาดสามารถเอาข้อมูลที่ได้ไปวางแผนกลยุทธ์การตลาดได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ซึ่งต่างจากการวิจัยทั่วไปที่อาจจะโฟกัสแค่ในกลุ่มสินค้าใดสินค้าหนึ่ง แต่ BAV สามารถดูได้ทั้งหมดครับ ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์รถยนต์หรือแม้แต่แบรนด์น้ำอัดลม

ในยุคนี้ที่การแข่งขันของแบรนด์ยิ่งดุเดือด เครื่องมือแบบ BAV ถือว่าเป็นตัวช่วยที่สำคัญมากๆ สำหรับนักการตลาดที่ต้องการยกระดับแบรนด์ของตัวเองให้กลายเป็น Super Brands ไม่เพียงแค่สร้างความโดดเด่น แต่ยังครองใจผู้บริโภคได้อย่างยั่งยืน

จากการวิจัยล่าสุดเกี่ยวกับ Super Brands ใน APAC ทาง VML Thailand ได้เปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจอย่างมาก ว่าในภูมิภาคนี้มีเพียงแค่ 3% ของแบรนด์ เท่านั้นที่สามารถเป็น Super Brands ได้ และแบรนด์ที่สามารถติดอันดับเหล่านี้ ส่วนใหญ่ต่างเป็นแบรนด์เทคโนโลยีระดับโลก เช่น Google, YouTube, และ Samsung ซึ่งเป็นที่รู้จักและใช้กันทั่วโลกอยู่แล้ว

แต่ในขณะเดียวกัน สิ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือ Local Brandsใน APAC ก็กำลังมีบทบาทที่สำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในประเทศที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว เช่น จีน, เกาหลีใต้ และเวียดนาม ซึ่งแบรนด์ท้องถิ่นในประเทศเหล่านี้กำลังสร้างฐานที่แข็งแกร่งและสามารถครองใจผู้บริโภคได้มากขึ้นทุกวัน

ความท้าทายที่เห็นได้ชัดคือ Local Brands จะต้องเผชิญหน้ากับการแข่งขันที่ดุเดือดจาก Global Brands ที่มีทั้งทรัพยากรและชื่อเสียงที่กว้างขวาง ซึ่งไม่ง่ายเลยในการแข่งขันกับพวกนี้ แต่จากการสำรวจพบว่า Local Brands ในหลายประเทศ เริ่มได้รับความสนใจจากผู้บริโภคมากขึ้นเรื่อย ๆ นั่นเป็นเพราะว่าแบรนด์เหล่านี้เข้าใจความต้องการของผู้บริโภคท้องถิ่นได้ดี และสามารถเชื่อมโยงกับค่านิยม วัฒนธรรม และความภาคภูมิใจในท้องถิ่นได้อย่างลึกซึ้ง

ที่น่าสนใจกว่านั้นคือ Local Brands บางแบรนด์ไม่ได้แค่ทำได้ดีเท่านั้น แต่ยังสามารถก้าวขึ้นมาท้าชิงกับแบรนด์ระดับโลกได้อีกด้วย เป็นเพราะการปรับตัวเพื่อให้เข้ากับตลาดในประเทศของพวกเค้า และการใช้กลยุทธ์ที่เจาะลึกความต้องการของคนในท้องถิ่น เป็นสิ่งที่ช่วยให้พวกเขาเติบโตและแข่งขันได้เป็นอย่างดีครับ

ดังนั้นเราจะเห็นว่าในยุคนี้ การสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง ไม่ได้ขึ้นอยู่แค่กับการมีเงินทุนหรือชื่อเสียงระดับโลกเท่านั้น แต่ยังขึ้นอยู่กับความสามารถในการเข้าใจและเชื่อมโยงกับผู้บริโภคอย่างแท้จริงด้วย ซึ่งแบรนด์ท้องถิ่นใน APAC กำลังพิสูจน์ให้เห็นว่าพวกเค้าสามารถเติบโตและครองใจผู้บริโภคได้ไม่แพ้แบรนด์ระดับโลกเลยทีเดียว

กลยุทธ์ Super Brands

Brand Power + Brand Love = Super Brands การสร้าง Super Brands แบรนด์ที่ทั้งทรงพลังและเป็นที่รักของผู้บริโภคไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ โดยเฉพาะเมื่อใช้กลยุทธ์ที่ชัดเจนและแม่นยำ ซึ่ง VML Thailand ได้แสดงให้เห็นผ่านการใช้เครื่องมือ BAV ในการวิเคราะห์และวิจัยแบรนด์กว่า 60,000 แบรนด์ทั่วโลก โดยเน้นการสร้าง Super Brands จากสององค์ประกอบหลัก คือ Brand Power และ Brand Love

Brand Power คือศักยภาพของแบรนด์ที่ทำให้โดดเด่นจากคู่แข่ง ซึ่ง VML ได้ทำการประเมินแบรนด์ผ่านองค์ประกอบ 4 Pillars คือ

  1. Differentiation – ความแตกต่าง การสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ทำให้แบรนด์โดดเด่น ไม่ว่าจะเป็นในด้านผลิตภัณฑ์ บริการ หรือประสบการณ์ที่ลูกค้าได้รับ ความแตกต่างนี้เองที่ช่วยให้แบรนด์สามารถสร้างความจดจำและเป็นที่น่าจับตามองครับ
  2. Relevance – ความเกี่ยวข้อง คือ ความสามารถของแบรนด์ในการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในเวลาที่เหมาะสม แบรนด์ที่มี Relevance สูงคือแบรนด์ที่ผู้บริโภครู้สึกว่ามีความเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของพวกเค้า
  3. Esteem – ความน่าเชื่อถือ การสร้างความเคารพและความไว้วางใจจากผู้บริโภค ซึ่งมาจากการรักษาคุณภาพสินค้าและบริการ รวมถึงการสื่อสารที่สม่ำเสมอ
  4. Knowledge – การรับรู้ การที่ผู้บริโภคมีความรู้ความเข้าใจในตัวแบรนด์ ทำให้แบรนด์มีพื้นที่ในความคิดของผู้บริโภคและเป็นที่รู้จักในวงกว้างครับ

Brand Love คือความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งระหว่างแบรนด์และผู้บริโภค การที่แบรนด์สามารถสร้างความรักและผูกพันกับผู้บริโภคได้นั้น เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้แบรนด์ก้าวขึ้นมาเป็น Super Brands ซึ่งมักมาจาก 3 ปัจจัยหลัก คือ

  1. Emotional Connection – การเชื่อมต่อทางอารมณ์ แบรนด์ที่สามารถสร้างความรู้สึกที่ลึกซึ้งและเป็นที่รักของผู้บริโภคได้ มักจะมาจากการสื่อสารที่เชื่อมต่อกับความรู้สึกของผู้บริโภค เช่น การเล่าเรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจหรือการส่งเสริมคุณค่าในสังคม
  2. Positive Experience – ประสบการณ์ที่ดี การสร้างประสบการณ์ที่ดีผ่านการใช้สินค้าและบริการ ซึ่งช่วยให้ผู้บริโภครู้สึกว่าพวกเขาได้รับสิ่งที่ดีที่สุดจากแบรนด์ การตอบสนองความต้องการและสร้างความประทับใจให้กับผู้บริโภคอย่างต่อเนื่องก็มีผลต่อความรักที่ผู้บริโภคมีต่อแบรนด์
  3. Advocacy – การบอกต่อ แบรนด์ที่ผู้บริโภครักมาก ๆ มักจะได้รับการบอกต่อ ซึ่งทำให้แบรนด์ได้รับความนิยมมากขึ้นผ่านการแนะนำจากผู้บริโภคเองครับ

การสร้าง Super Brands ต้องอาศัยกลยุทธ์ที่ผสานพลังและความรักเข้าด้วยกัน ซึ่งสามารถสรุปได้ดังนี้ครับ

กลยุทธ์ Super Brands

แบรนด์ที่ประสบความสำเร็จในระดับโลก เช่น Google และ YouTube ไม่ได้แค่เป็นเพียงแบรนด์ แต่กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของคนทั่วโลก พวกเขาเข้าถึงผู้คนในทุกช่วงวัยและในทุกมุมโลก ซึ่งแบรนด์ท้องถิ่นสามารถเรียนรู้จากจุดนี้ การขยายขอบเขตและทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในวงกว้างยิ่งขึ้นเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างแบรนด์ที่ยืนหยัดได้ในระดับโลกครับ

ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกผู้บริโภคมีความรักและภาคภูมิใจในแบรนด์ท้องถิ่นมาก ฉะนั้นการใช้ประโยชน์จากความรู้สึกนี้สามารถช่วยสร้างความผูกพันที่แข็งแกร่งได้ครับ ตัวอย่างเช่น การออกแบบสินค้าที่สะท้อนถึงวัฒนธรรม ค่านิยม และเอกลักษณ์เฉพาะของประเทศนั้น ๆ สามารถทำให้ผู้บริโภครู้สึกมีส่วนร่วมและสนับสนุนแบรนด์มากขึ้น

การร่วมมือกันระหว่างแบรนด์ท้องถิ่นและแบรนด์ระดับโลกเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ช่วยให้ทั้งสองฝ่ายสามารถสร้างความสำเร็จร่วมกันได้ แบรนด์ระดับโลกที่ต้องการเจาะตลาดในประเทศที่ผู้บริโภคมีความรักในชาติสูง สามารถใช้กลยุทธ์นี้เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้บริโภคในท้องถิ่น ในขณะเดียวกัน แบรนด์ท้องถิ่นก็สามารถเรียนรู้จากนวัตกรรมและความเชี่ยวชาญของแบรนด์ระดับโลกเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง

ความเข้าใจในวัฒนธรรมท้องถิ่นเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความเชื่อมโยงกับผู้บริโภค การปรับแคมเปญการตลาดให้เข้ากับเทศกาลและวิถีชีวิตในท้องถิ่นสามารถทำให้แบรนด์เข้าถึงได้ง่ายขึ้น ตัวอย่างเช่น KFC ที่เปิดตัวแคมเปญเฉพาะเทศกาลในแต่ละประเทศ เช่น การออกเมนูพิเศษในช่วงเทศกาลต่างๆ ของไทย สิ่งนี้ทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าแบรนด์เข้ากับชีวิตประจำวันและวัฒนธรรมของพวกเขาได้ดี

คุณภาพของผลิตภัณฑ์เป็นสิ่งที่ทำให้แบรนด์ระดับโลกมีความน่าเชื่อถือและเป็นที่ไว้วางใจ ในขณะเดียวกัน แบรนด์ท้องถิ่นที่มีความใกล้ชิดกับผู้บริโภคก็สามารถสร้างความผูกพันและความภักดีได้ การผสานคุณภาพที่ยอดเยี่ยมของแบรนด์ระดับโลกเข้ากับความใกล้ชิดที่แบรนด์ท้องถิ่นมีจะช่วยให้แบรนด์นั้นๆ แข็งแกร่งและเป็นที่รักในระยะยาว

ขอบคุณภาพจาก Shutterstock AI Generator Prompt : A minimalist Venn diagram with two overlapping circles, floating in a dark, futuristic environment. The left circle is neon green, labeled “Brand Power” with bold, glowing white text. The right circle is neon blue, labeled “Brand Love,” also with glowing white text. In the overlapping area, label it “Super Brand” with an iridescent, high-tech font. Background elements feature holographic lines and subtle digital grids, creating a sleek, advanced aesthetic

VML Thailand ได้เปิดตัว BAV เครื่องมือวิจัยแบรนด์ที่ใช้ Big Data และการวิเคราะห์เชิงลึก เพื่อให้นักการตลาดเข้าใจศักยภาพของแบรนด์ทั้งในแง่พลังและความรักของผู้บริโภค โดย BAV มีฐานข้อมูลจากการวิจัยแบรนด์กว่า 60,000 แบรนด์ทั่วโลก และผู้ตอบแบบสอบถามกว่า 2.5 ล้านคนใน 50 ประเทศ เครื่องมือนี้ช่วยประเมินแบรนด์ผ่าน 4 Pillars ได้แก่ Differentiation, Relevance, Esteem และ Knowledge เพื่อนำไปสู่การสร้าง Super Brands ที่โดดเด่นและเป็นที่รักของผู้บริโภค

ในภูมิภาค APAC พบว่ามีเพียง 3% ของแบรนด์ที่ก้าวขึ้นเป็น Super Brands ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแบรนด์เทคโนโลยีระดับโลก เช่น Google และ Samsung ในขณะเดียวกันแบรนด์ท้องถิ่นในจีน เกาหลีใต้ และเวียดนาม ก็กำลังเติบโตและสร้างฐานที่แข็งแกร่งขึ้นโดยใช้ความเข้าใจในค่านิยมและวัฒนธรรมท้องถิ่น BAV ยังแนะนำ 5 กลยุทธ์สำคัญในการปั้น Super Brands ได้แก่ 1.การสร้างความเป็นสากล, 2.การใช้ความภาคภูมิใจในชาติ, 3.การสร้างพันธมิตร, 4.การผสานวัฒนธรรมท้องถิ่น และ 5.การรักษาคุณภาพ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความรักในระยะยาว

บทความที่แนะนำให้อ่านต่อ

ชื่อเติ้ลครับ เป็น Senior Data Insight Researcher & Marketing Content Creator แห่งการตลาดวันละตอนครับ ^^ มีงานอดิเรกเป็น ผู้ช่วยนักวิจัยฝั่ง Consumer Insights ที่คณะวิทยาศาตร์การกีฬา ที่จุฬาครับ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *