3 Steps สร้าง Personal Branding ยังไงให้น่าจดจำ

3 Steps สร้าง Personal Branding ยังไงให้น่าจดจำ

ในบทความนี้จะพาทุกคนมาดู 3 Steps สร้าง Personal Branding ยังไงให้น่าจดจำ กับการรู้จักสร้างความแตกต่างไปจากคู่แข่ง ให้ตัวเราเองมีความโดดเด่น ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่ใช่แค่ความแตกต่างโดดเด่นผ่านสินค้าและบริการอย่างเดียว แต่รวมถึงวิธีการปฏิสัมพันธ์หรือสื่อสารสิ่งต่าง ๆ ออกไปได้อย่างเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นเฉพาะตัวของเราเอง ถ้าพร้อมแล้วไม่รอช้า ตามมาดูขั้นตอนแรกกันเลยค่ะ

ขั้นตอนแรกสิ่งสำคัญคือเราเข้าใจตัวเองได้ถึงแก่นแท้แล้วหรือยัง จุดอ่อน จุดแข็ง ค่านิยม สไตล์ บุคลิก สิ่งที่เราให้คุณค่าต่าง ๆ รวมไปถึงการวิเคราะห์คู่แข่ง เพราะจะช่วยให้เราวาง Postion แบรนด์ได้อย่างโดดเด่นและคมขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้นในตลาด

แต่ในเมื่อความเป็นตัวตนของเราบางทีมันคือสิ่งที่จับต้องไม่ได้และมองไม่เห็นนี่ล่ะค่ะ ดังนั้นสิ่งสำคัญคือเราจะจัดการกับ Symbols หรือพูดง่าย ๆ คือสิ่งที่คนมองเห็นด้วยตาเนื้อยังไงให้มีกลยุทธ์ เพราะมันจะสร้างผลกระทบต่อ Brand Awareness รวมถึงคนจะมองเห็นหรือกำหนดคุณค่าของแบรนด์จากสิ่งเหล่านี้ด้วยเช่นกัน

ไม่ว่าจะเป็นการเล่าเรื่องผ่าน ชื่อ โลโก้ สี สโลแกน หรืออื่น ๆ ที่ออกแบบมาเพื่อสะท้อนตัวตนของเรา และต้องดูน่าดึงดูดความสนใจด้วย 

ความเข้าใจตัวเองในพื้นฐานให้ได้ก่อน ก็จะทำให้เราสามารถวางรากฐานที่มันแข็งแรง และสร้างเอกลักษณ์หรือสื่อสารออกไปให้คนจดจำแบรนด์ได้นั่นเอง เดี๋ยวเรามาดูแต่ละองค์ประกอบไปพร้อมกัน ผ่านการเล่าเรื่องด้วยตัวอย่างให้ทุกคนสามารถเห็นภาพได้ชัดกันค่ะ

ชวนทุกคนลองจินตนาการนึกถึงการแต่งกายของ Steve Jobs เรียกได้ว่าในหัวของหลาย ๆ คนน่าจะผุดภาพเดียวกันขึ้นมาใช่ไหมคะ กับเสื้อคอเต่าสีดำและกางเกงยีนส์ ที่เรียบง่ายแต่เป็นสไตล์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวตนของ Steve Jobs ที่มี Personal Branding ที่สื่อสารถึงความเรียบง่ายและนวัตกรรม ทำให้คนจดจำได้ในทันทีทุกครั้ง 

ดังนั้นในเรื่องของเสื้อผ้าหรือการสื่อสารผ่านเครื่องแต่งกาย ก็เป็นหนึ่งในภาพลักษณ์ที่สำคัญของเรา ที่ก็ควรมีเอกลักษณ์และสะท้อนตัวตนที่แท้จริงออกมาให้ได้นั่นเอง

อย่างโลโก้ตัว “O” ของ Oprah Winfrey ก็เป็นตัวอย่างที่ดีของการสร้าง Personal Branding แม้จะเป็นเพียงตัวอักษรเดียวที่ดูง่าย ๆ แต่เป็นความเรียบง่ายที่คนจดจำได้ และเป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงชื่อของ Oprah รวมถึงบุคลิกที่มีความ Open, Honest และ Influential เป็นภาพจำในหลาย ๆ ส่วนไม่ว่าจะในส่วนของ Magezine หรือ Overall แบรนด์โดยรวม 

ในเรื่องของสีแน่นอนว่าเป็นตัวสื่ออารมณ์ที่สำคัญเช่นเดียวกันค่ะ เพราะสีมันสามารถสะท้อนบุคลิกภาพ อารมณ์ความรู้สึกของแบรนด์ได้ ในมุมมองของจิตวิทยาและการตลาด 

เช่น สีน้ำเงินอาจสื่อถึงความน่าเชื่อถือ น่าไว้วางใจ แต่สีเขียวมักจะเชื่อมโยงกับการเติบโตและสุขภาพ หรือแบรนด์อาหารจานด่วนต่าง ๆ ที่มักจะใช้สีแดง ดังนั้นทั้งนี้เราก็ควรเลือกใช้สีที่จะสามารถสะท้อนตัวตน สอดคล้องกับแนวคิด สไตล์ หรือสิ่งที่เราต้องการจะสื่อสารให้ได้

ในมุมมองของการเลือกรูปภาพมาใช้ หรือแนวทางในการถ่ายภาพก็สำคัญนะคะ เพราะภาพที่ดีก็เหมือนเป็นส่วนหนึ่งสำหรับการสร้าง First Impression ที่ดึงดูดความสนใจของคนได้

พูดง่าย ๆ ก็คือเราควรจะเลือกใช้ภาพที่สื่อถึงบุคลิกของแบรนด์เรา ถ่ายทอดความหมายที่เราต้องการสื่อให้คนอื่นรับรู้ได้ สอดคล้องกับ Mood & Tone และภาพรวมทั้งหมดของแบรนด์ เช่น การออกแบบกราฟิกในองค์ประกอบต่าง ๆ ให้มันเป็นไปในทิศทางเดียวกันค่ะ

อย่างตัวอย่างในภาพจากช่อง BIRD Eye view ก็เป็นหนึ่งในช่องดูดวงยอดฮิต ซึ่งการใช้ภาพถ่ายรูปโปรไฟล์จะสังเกตเห็นได้ว่าเป็นภาพถ่ายสะท้อนในกระจก สื่อถึงความลึกลับ น่าค้นหา น่าเชื่อถือ ซึ่งเข้ากับ Mood & Tone ของการดูดวง การทำนายอนาคต และยังสะท้อนถึงบุคลิกของคุณนกที่เป็นแม่หมอ ที่มีความน่าเชื่อถือ มีเสน่ห์ ฉะฉาน มั่นใจ แต่ยังมีความเป็นกันเองที่เข้าถึงคนได้ทุกเพศทุกวัย

อยากให้ทุกคนนึกถึง Muhammad Ali หรือมูฮัมหมัด อาลี นักมวยชื่อดังกับสโลแกนประจำตัวประจำใจที่ว่า “Float like a butterfly, sting like a bee” เป็นสโลแกนที่เรียกว่าสะท้อนสไตล์การชกมวยและตัวตนของเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ แถมยังเป็นที่จดจำและมีชื่อเสียงติดตัวตลอดไปอีกด้วย

ดังนั้นการตั้งสโลแกนสำหรับ Personal Branding ไม่ได้จำเป็นจะต้องยาวยืด แต่ควรสื่อสารข้อความหลักที่เราต้องการจะสื่อ ต้องการให้คนรับรู้และมองเราแบบไหน ก็จับจุดคุณค่านั้นออกมาให้ชัดเจนนั่นเอง

กลยุทธ์การตลาดของเราก็เปรียบเสมือนกับแผนที่นำทาง ในการสื่อสารแก่นแท้ของแบรนด์ออกไป ไม่ว่าจะผ่านการมีส่วนร่วมบนสื่อออนไลน์ Social Media ต่าง ๆ หรือแม้แต่การมีปฏิสัมพันธ์กับคนและสื่อสารกันโดยตรงผ่านการจัดสัมมนา เป็นต้น

แต่ทั้งหมดทั้งมวลสรุปแล้วจุดมุ่งหมายก็ยังคงเหมือนเดิม คือการนำเสนอคุณค่าของแบรนด์ออกมาได้อย่างชัดเจนและน่าสนใจ เพื่อให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การที่จะสื่อสารผ่าน Social media แน่นอนว่าพื้นฐานเราก็ควรจะต้องเลือกแพลตฟอร์มที่กลุ่มเป้าหมายเราอยู่มากที่สุด รวมถึงเข้ากับประเภทเนื้อหาคอนเทนต์ที่เราทำมากที่สุดด้วย

ตัวอย่างเช่น หากแบรนด์เราเน้นสื่อสารผ่านเนื้อหาที่เป็นภาพสวย ๆ งาม ๆ ก็อาจจะเป็นช่องทาง Instagram หรือต้องการเล่าเรื่องเป็นสตอรี่ยาว ๆ TikTok ก็อาจเหมาะสมกว่า ในการจะถ่ายทอดไอเดียความคิดสร้างสรรค์และมีปฏิสัมพันธ์กับคนดูได้อย่างเต็มที่

อย่างการได้เข้าร่วมเป็น Speaker ในงานประชุม งานสัมมนาต่าง ๆ หรือการจัด Class สอน Workshop ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ดีที่ทำให้เราได้สื่อสารและถ่ายทอดความเชี่ยวชาญเฉพาะตัวของเรา รวมถึงเป็นการโปรโมทแบรนด์แบบกลาย ๆ ทั้งนี้ตามงานลักษณะ Offline แบบนี้ยังทำให้เราสามารถ Connect กับผู้คนโดยตรงได้ด้วย ทำให้คนรู้จักเรามากขึ้นและเพิ่ม Brand Awareness

การเชื่อมโยงของแบรนด์ในที่นี้มันอาจจะไม่ได้เกิดขึ้นได้ในระยะเวลาสั้น ๆ เพราะมันคือการที่เราค่อย ๆ สร้างคุณภาพด้วยความสม่ำเสมอมาในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ไม่ว่าจะผ่านการสื่อสาร อารมณ์ พฤติกรรม และประสบการณ์ต่าง ๆ จนทำให้เมื่อมีคนได้ยินชื่อของเราหรือแบรนด์ แล้วนึกถึงสิ่งหนึ่ง(ที่ดี)ขึ้นมา

อย่างทุกวันนี้ที่ใคร ๆ ก็มาอยู่บนโลกออนไลน์ ใช้ Social media กันมากขึ้นกว่าแต่ก่อน คนเราแต่ละวันไถฟีดทีก็เจอคอนเทนต์มากมายหลากหลายเต็มไปหมด ดังนั้นเราก็ต้องมาคิดแล้วว่าจะทำคอนเทนต์อะไรที่คนจะหยุดสนใจเรามากกว่าคนอื่น และมันสร้างประโยชน์ สร้างคุณค่าให้ผู้คนยังไง

สิ่งนี้ก็อาจจะต้องค้นหาตัวเอง เลือกสื่อสารในสิ่งที่แบรนด์เชี่ยวชาญ และตรงตามสไตล์หรือค่านิยมที่แบรนด์ยึดถือ อย่างเช่นเพจการตลาดวันละตอนที่ให้ความรู้ในเรื่องการตลาด ในภาษาที่แม่ค้าในตลาดก็เข้าใจได้ ดังนั้นเวลาเล่าเรื่องก็จะสื่อสารด้วยสไตล์ภาษาที่ค่อนข้างเป็นกันเอง ไม่ได้ใส่ความซีเรียสจริงจังหรือใช้ศัพท์วิชาการจนคนงง แต่ยังคงถ่ายทอดความรู้ด้านการตลาดให้ผู้คนได้ประโยชน์อยู่

อาจจะมีการนำ Case Study มายกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดขึ้น หรือมีการให้ความรู้คำแนะนำ มาสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่ดีที่สอดคล้องกับคุณค่าและความเชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ ของแบรนด์ ทั้งนี้ก็ตามที่แต่ละแบรนด์คิดว่าเหมาะสมและมีความเป็นตัวเอง

@brookibakehouse

A day in my life as a bakery owner 👩‍🍳 chaos as always… 6:00am til 6:00pm in the kitchen #dayinmylife #bakerylife #bakeryowner #smallbusinessowner #fyp

♬ She Share Story (for Vlog) – 山口夕依

หลาย ๆ คนน่าจะเคยเห็นบุคคลหรือแบรนด์ที่ชอบเล่าเรื่องราวหรือถ่ายทอดเส้นทางชีวิตตัวเอง ความเป็นมากว่าที่เขาจะพาแบรนด์มาถึงจุดที่ทุกคนเห็นว่าสำเร็จอย่างทุกวันนี้ได้ ว่าผ่านอะไรมาบ้าง การแชร์ให้คนอื่นเห็นก็เป็นเหมือนการโชว์เส้นทางการเดินทาง อุปสรรคและความท้าทายต่าง ๆ จนเกิดมาเป็นความสำเร็จของเรา

ทั้งนี้ก็อาจจะไม่ใช่แค่เรื่องของการเล่าเส้นทางของแบรนด์ แต่อาจจะเป็นคอนเทนต์แนว Behind the scene, One day with me ต่าง ๆ ที่ทำให้คนเห็นเราในอีกมุมมอง ได้รู้จักเราจริง ๆ มากขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เป็นอีกหนึ่งมุมมองที่ทำให้แบรนด์ดูมีความเป็นมนุษย์และคนรู้สึกเข้าถึงได้ง่ายขึ้น เพราะเหมือนได้รู้จักเราอย่างใกล้ชิดมากขึ้นนั่นเอง

อย่างในคลิปก็จะเป็นตัวอย่างจากคุณ Brooki Saward เจ้าของร้านเบเกอรี่ Brooki ที่ทำคอนเทนต์ A day in my life as a bakery owner สามารถสะท้อนตัวตน สไตล์ และเป็นการเปิดเผยเบื้องหลังแบรนด์ให้ลูกค้าได้ติดตามอีกด้วย

3 Steps สร้าง Personal Branding ยังไงให้น่าจดจำ

AI-Generated Image by Shutterstock (Prompt:personal branding concept, spotlight on businessman, standing out in crowd of people, no deformed face.)

เป็นยังไงกันบ้างคะสำหรับบทความนี้ ทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็จะเป็น 3 Steps สร้าง Personal Branding ยังไงให้น่าจดจำในเชิงที่ปฏิบัติตามกันได้แบบเป็นรูปธรรม ทุกคนก็คงจะเห็นกันแล้วว่าการที่เราจะสร้างความแตกต่างได้ ควรจะต้องสื่อสารเพื่อสะท้อนเอกลักษณ์ของเราออกมาอย่างแท้จริง เป็นความโดดเด่นและแตกต่างที่แสดงให้คนเห็นอย่างชัดเจนได้ว่าเราคือใคร

หวังว่าบทความนี้จะช่วยสร้างไอเดียและเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะคะ แล้วมาเจอกันใหม่ในบทความหน้า ฝากติดตามด้วยนะคะ และทุกคนสามารถติดตามบทความด้านการตลาดเพิ่มเติมได้จากเพจการตลาดวันละตอนที่ เว็บไซต์  Facebook  Instagram  Twitter Youtube ได้เลยค่า

Source

Fern Panassaya

เฟิร์น Marketing Content Creator แห่งการตลาดวันละตอน รักแมวอ้วนและหมาโกลเด้น ตั้งใจสร้างสรรค์ทุกผลงาน ฝากเป็นกำลังใจและติดตามคอนเทนต์ใหม่ ๆ ต่อจากนี้ด้วยค่ะ <3

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *