เคยเป็นไหมคะ เปิดเว็บไซต์มาก็ตั้งนานแต่ลูกค้าไม่ค่อยเข้าเลย?
แบมคิดว่าเจ้าของธุรกิจหลายๆ รายต้องเคยเจอปัญหานี้กันมาก่อนแน่ๆ ค่ะ วันนี้แบมเลยจะมาพูดถึงการสร้างสะพานในการเชื่อมโยงลูกค้า ให้เขาเห็นและเดินเข้ามาในเว็บไซต์ของเราให้มากขึ้นมาฝากค่ะ สะพานที่แบมกำลังจะพูดถึงก็คือ Keyword ค่ะ มาดูกันเลยว่าคำนี้นั้นสำคัญแค่ไหนกับเว็บไซต์เรา
Keyword คืออะไร
คีย์เวิร์คำคำหรือวลที่คนมักจะพิมพ์ลง Search Engine เพื่อค้นหาในสิ่งที่ต้องการ หรือเรียกอีกอย่างว่า “คำค้นหา” ซึ่งเจ้าของกิจการก็ควรหาคีย์เวิร์ดที่มีความเกี่ยวข้องกับสินค้าและบรการของตัวเอง เพื่อให้ลูกค้าสามารถค้นเจอเว็บไซต์ของเราได้ในอันดับต้นๆ ของ Search Engine นั่นเอง
Keyword มีกี่ประเภท
ก่อนที่เราจะไปหาคำตอบกันว่าคีย์เวิร์ดแบบไหนที่จะสามารถพาลูกค้าเข้ามาในเว็บไซต์ได้ ลองมาดูกันก่อนว่าคีย์เวิร์ดที่เราพูดถึงนั้นสามารถแบ่งออกได้กี่ประเภท แล้วแต่ละประเภทนั้นมีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง
เป็นคำที่เกี่ยวข้องกับสินค้าของเราแบบกว้างๆ แบบไม่เจาะลึก แต่สามารถแตกยอดไปสู่คีย์เวิร์ดประเภทอื่นๆ ได้ เช่น “กระเป๋าสตางค์ เป็นต้น ซึ่ง Seed Keyword นั้นจะเป็นคำประเภทที่มีปริมาณการค้นหาที่สูง เพราะไม่ว่าคนจะค้นหาข้อมูลอะไรเกี่ยวกับ กระเป๋าสตางค์ ไม่ว่าจะเป็นแหล่งซื้อ การขาย ยี่ห้อ หรือการเช็กราคา ก็มักจะมี Seed Keyword ประกอบอยู่ด้วยทั้งนั้น
แต่ขอบอกไว้ก่อนนะคะว่าถึงแม้ว่าจะมีปริมาณการค้นหาสูง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะช่วยดึงลูกค้าให้เข้ามาได้เสมอไป เพราะเป็นคำที่ค่อนข้างกว้าง จึงเหมาะจะใช้เพื่อเป็นคีย์เวิร์ดตั้งต้นมากกว่าค่ะ
Niche Keyword นั้นก็ยังคงเป็นคีย์เวิร์ดที่ยังกว้างอยู่ค่ะ แต่ถ้าจะให้เปรียบเทียบก็มองได้ว่า Niche Keyword ก็เป็นเหมือนคำขยายของ Seed Keyword เป็นเหมือนการบอกกลุ่มกว้างๆ ของคีย์เวิร์ดนั้นๆ เช่น กระเป๋าสตางค์ใบยาว จะเห็นได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าสตางค์ผู้ชายหรือผู้หญิง แบบไหน สีอะไร หนังแท้หรือหนังเทียม ก็ยังอยู่ในกลุ่มกระเป๋าสตางค์ใบยาว นั่นเอง
- Niche Long-tailed Keyword
คีย์เวิร์ดประเภทนี้เป็นคำค้นที่เฉพาะเจาะจงลึกลงไปถึงรายละเอียดของสินค้ามากขึ้น ทั้งรุ่น สี ขนาด หรือวัสดุ เช่น “กระเป๋าสตางค์ใบยาวสีแดง ซิปรอบ ขนาด 10 การ์ด” เป็นต้น
โดย Niche Long-tailed Keyword นี่แหละคือคีย์เวิร์ดประเภทที่เจ้าของธุรกิจควรให้ความสนใจ เพราะเป็นคีย์เวิร์ดที่ถูกค้นหาโดยคนที่เป็นลูกค้า หรือกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการซื้อสินค้าของเราจริงๆ
4 วิธีเลือก Keyword ให้เหมาะสมกับเว็บไซต์
รู้ไปแล้วว่าคีย์เวิร์ดมีกี่ประเภท แตกต่างกันอย่างไร แต่ประเด็นที่สำคัญกว่านั้นก็คือแล้วเราจะต้องเลือกใช้คำไหนถึงจะเหมาะกับเว็บไซต์ของเรา และสามารถเรียกลูกค้าได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย มาดูกันค่ะ
1.ต้องเกี่ยวกับสินค้าและบริการ
คีย์เวิร์ดที่เราเลือกใช้นั้นจะต้องเป็นคำค้นที่บ่งบอกถึงตัวสินค้าและบริการของเรามากที่สุด โดยอาจเลือกใช้เป็นคีย์เวิร์ดประเภท Niche Long-tailed Keyword เพราะยิ่งระบุรายละเอียดเฉพาะเจาะจงเท่าไหร่ โอกาสที่ผู้ค้นหาจะเข้ามาเป็นลูกค้าคุณก็มีมากเท่านั้น
2.ต้องมีปริมาณการค้นหาพอสมควร
คีย์เวิร์ดที่ดีจะต้องมีปริมาณการค้นหาพอสมควร เนื่องจากข้อแรกคือเป็นการแสดงให้เห็นว่ามีคนมีความต้องการที่จะค้นหาสิ่งนั้นจริงๆ ข้อสองคือถ้าคีย์เวิร์ดมีปริมาณการค้นหาที่น้อยเกินไปนั้นแสดงว่าสิ่งนั้น หรือคำนั้นไม่เป็นที่นิยมมากนัก หรือมีความเฉพาะกลุ่มมากเกินไป ซึ่งอาจส่งผลให้ไม่สามารถพา Traffic เข้าเว็บไซต์เราได้นั่นเอง
3. ต้องแข่งขันได้
สำหรับข้อนี้อาจจะต้องใช้ตัวช่วยอย่าง Ubersuggest KWfinder หรือ MOZ เพื่อวิเคราะห์ Keyword Difficulty หรือความยากง่ายในการแข่งขันของคียเวิร์ดคำนั้นๆ ว่ามีอัตราการแข่งขันสูงหรือไม่ ยกตัวอย่าง ถ้าเราเพิ่งทำเว็บไซต์ใหม่ๆ ถ้าเลือกใช้คีย์เวิร์ดที่มีอัตราการแข่งขันสูง ก็อาจจะสู้กับเว็บไซต์ใหญ่ๆ ที่เปิดมานาน และมีอันดับสูงได้ยาก ดังนั้นจึงควรเลือกคีย์เวิร์ดที่มีการแข่งขันต่ำแล้วค่อยๆ ไต่อันดับไปจะดีกว่า
4.ต้องเป็น High Commercial Intent Keyword
คีย์เวิร์ดประเภทนี้เป็นคำค้นที่เจ้าของธุรกิจควรสนใจมากเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นคีย์เวิร์ดที่คนตั้งใจค้นหาเพื่อซื้อสินค้า ไม่ใช้แค่การหาข้อมูล ซึ่ง High Commercial Intent Keyword ก็สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท
เป็นกลุ่มคำที่คนใช้เมื่อต้องการซื้อสินค้าหรือบริการแบบทันที เช่น จองโต๊ะร้าน XXX เช่าคอนโดติดรถไฟฟ้าตลาดพูล ขายเซิร์ฟสเก็ต พร้อมส่ง เป็นต้น
เป็นคำที่เน้นการหาข้อมูลโดยละเอียดของสินค้าแบบเฉพาะเจาะจง ซึ่งคนที่ใช้คำประเภทนี้ในการค้นหา มีแนวโน้มสูงมากว่าต้องการซื้อสินค้าชิ้นนี้ เช่น รีวิวเครื่องฟอกอากาศ xiaomi 5 ที่พักหัวหินติดทะเล เป็นต้น
สำหรับคุณแล้วคีย์เวิร์ดที่ดีคืออะไร? ถ้าจะให้แบมสรุปให้ก็คงจะคำตอบได้ว่า คีย์เวิร์ดที่ดีต้องเป็นคีย์เวิร์ดที่เหมาะกับเว็บไซต์ของคุณ อ่านดูแล้วเหมือนจะเป็นคำตอบแบบกำปั้นทุบดิน แต่ความจริงมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ นะคะ เพราะถ้าเราเลือกคีย์เวิร์ดที่เหมาะสม โดยมีปัจจัยจากข้อต่างๆ ที่บอกไปเบื้องต้น ก็มีโอกาสสูงที่จะทำให้เกิด Traffic แบบ Organic (ลูกค้าคลิกเข้ามาแบบไม่พึ่งโฆษณา ไม่ต้องเสียเงิน) แน่นอนว่าเมื่อมีคนเข้ามาในเว็บไซต์เรามากเท่าไหร่ โอกาสที่เขาเหล่านั้นจะตัดสินใจมาเป็นลูกค้าของเราก็มีเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น
Read more: อ่านบทความเกี่ยวกับการทำ SEOในแง่มุมอื่นๆ จากการตลาดวันละตอนได้ ที่นี่
ในบทความหน้าแบมจะมีอะไรมาอัปเดตอีกบ้าง สามารถติดตามได้ผ่านเพจการตลาดวันละตอน รวมถึง Twitter และ Blockdit ของการตลาดวันละตอนนะคะ