แคมเปญลดการปล้นจี้ ด้วย Hijack Strategy ขโมยพื้นที่ ads บอกโซนอันตราย
กลับมาอีกครั้ง (อย่าเพิ่งเบื่อกันค่ะ เคสสนุก!) กับแคมเปญที่ได้รับรางวัลจาก Cannes Lion โดยในบทความนี้จะเป็นแคมเปญ Anti-Hijack Ads แคมเปญที่ลดการปล้นจี้บนท้องถนนในแอฟริกาใต้ ที่ขึ้นชื่อเรื่องการดักปล้นสุด ๆ
แต่ไม่ได้ลดแบบธรรมดาด้วยนะคะ เพราะเป็นการลดแบบ ‘สะดุ้งจิตสะดุ้งใจ’ ด้วยเทคโนโลยี ผสมผสานกับ Data นำมาสู่กลยุทธ์ ‘การปล้น’ พื้นที่สื่อ เพื่อแจ้งเตือนถึงเขตอันตรายกับผู้ขับขี่ นักการตลาดหรือนักอ่านท่านใดที่กำลังมองหาไอเดีย การแก้ไขปัญหาประมาณนี้อยู่ บทความนี้อาจเป็นคำตอบให้กับคุณได้ค่ะ
การปล้นจี้บนท้องถนน ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง ก่อความสูญเสียถึงชีวิต
Anti-Hijack Ads เริ่มต้นมาจากปัญหาที่ว่า บนท้องถนนของแอฟริกาใต้มีการปล้นจี้บ่อยครั้งมาก ทำให้ผู้คนได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง (ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียทรัพย์สิน เงินทอง หรือแม้กระทั่งชีวิต) โดยเฉพาะกับผู้หญิงที่ได้รับผลกระทบเป็นอันดับต้น ๆ เพราะมักถูกเลือกเป็นเป้าหมายหลักของการปล้น
และการปล้นจี้ที่เกิดขึ้นเป็นเหตุที่ ‘ไม่อาจหลีกเลี่ยง’ เพราะมันเกิดขึ้นเยอะมาก ถึงแม้ว่าพวกเขาจะใช้แอปพลิเคชั่นนำทางอย่าง Waze (คล้ายกับ Google map บ้านเรา) เพื่อนำทางให้พวกเขาไปถึงบ้าน ‘เร็ว ‘ ที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงแล้วก็ตาม แต่มันไม่ได้หมายความว่านั้นจะเป็นเส้นทางที่ ‘ปลอดภัย ‘ ที่สุด
โดยการปล้นจี้บนท้องถนนเกิดขึ้นมากกว่า 30,000 และทำให้มีผู้เสีย โดยเฉพาะผู้หญิง เสียชีวิตจากการโดยปล้นเป็นจำนวนมาก Data บ่งบอกอีกว่าอัตราการปล้นเกิดขึ้นมากที่สุดในเมืองโจฮันเนสเบิร์ก ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศแอฟริกาใต้
แต่ก็เลี่ยงได้ ด้วย Data + Hijack Strategy
VMLY&R Johannesburg จึงเข้ามาแก้ไขปัญหานี้โดยการรวบรวม Data อาชญากรรมทั้งแบบสดและย้อนหลัง และนำมาประมวลผลว่าตรงไหน มุมไหน เขตไหน ที่เกิดเหตุการณ์ปล้นมากที่สุด หรือมีแนวโน้มว่าจะเป็นสถานที่ใกล้เคียงกับที่เกิดเหตุ
จากนั้นจึงนำมาสู่การใช้กลยุทธ์ Hijack ขโมยพื้นที่โฆษณาต่าง ๆ บนแอปพลิเคชั่น Waze ที่พวกเขามักใช้ในการนำทาง และแทนที่ด้วยการแจ้งเตือนเขตอันตราย หากพวกเขาเข้าใกล้พื้นที่ที่มักเกิดอาชญากรรม
ก็จะมีกล่องข้อความขึ้นแจ้งเตือนเป็นเขตอันตรายข้างหน้า และเสนอเส้นทางอื่นที่ปลอดภัยกว่า หากผู้ขับขี่ต้องการเส้นทางใหม่ที่ดีและปลอดภัยกว่า ก็สามารถขอได้ด้วยการคลิกเพียงครั้งเดียว
โดยในช่วงกลางคืนจะเป็นช่วงที่มีการแสดงแจ้งเตือนถี่กว่าตอนกลางวัน เพราะจาก Data ชี้ว่าเหตุมักเกิดขึ้นในตอนนี้บ่อยมากที่สุด หรือหากในช่วงนั้นของวัน ไม่ว่าจะช่วงเช้าหรือกลางคืน มีเหตุเกิดขึ้นบ่อยกว่ากัน โฆษณาแจ้งเตือนก็จะปรากฏบ่อยขึ้น แปรผันตรงกับอัตราการเกิดเหตุ เพื่อให้คนหลีกเลี่ยงการถูกปล้น ลดจำนวนการสูญเสียให้ได้มากที่สุด
Key Takeaway: Hijack Strategy
เผื่อท่านใดที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลยุทธ์ Hijack เตยได้นำคำอธิบายมาเรียบเรียงไว้ให้ด้านล่างแล้วค่ะ
อธิบายตามทฤษฎีคือ กลยุทธ์การสื่อสารทางตลาดที่แบรนด์สร้างคอนเทนต์ขึ้น เพื่อพาตัวเองเข้าไปแทรกอยู่ในเหตุการณ์สำคัญ ๆ ที่คนจำนวนมากกำลังให้ความสนใจ เช่น การแข่งขันฟุตบอลโลก ซุปเปอร์โบว์ล MBA หรือการประกาศผลรางวัลออสการ์ หากพูดให้เข้าใจง่าย ๆ ภาษาบ้าน ๆ ก็คือ“การขโมยซีน” นั่นเองค่ะ
อย่างในกรณีนี้เอง การขโมยซีนจะเป็นการที่เราไปขโมยพื้นที่สื่อโฆษณาบนตัวแอปพลิเคชั่น Waze เพื่อนำมาแจ้งเตือนถึงเขตอันตรายแทน
ถึงแม้ว่าคำว่า Hijack จะแปลตรงตัวว่าการ จี้ แต่ในทางการตลาดนั้น เราไม่จำเป็นต้องสร้างภาพลักษณ์ให้ตัวเองดูเป็นตัวร้ายขโมยซีนเสมอไปหรอกนะคะ หากแบรนด์สามารถนำเสนอคอนเทนต์ด้วยไอเดียที่เหมาะสมกับเหตุการณ์นั้น ๆ จากการขโมยซีน ก็จะกลายเป็นการสร้างซีน หรือ การสร้างสปอร์ตไลท์ให้ตัวเองได้เป็นอย่างดี
เหมือนกับแคมเปญ Anti-Hijack Ads ที่ปรับใช้การขโมย หรือการจี้ เพื่อให้ได้มาซึ่งพื้นที่สื่อ ทำประโยชน์ช่วยเหลือคนหมู่มาก ยังไงลองนำไปปรับใช้กันดูนะคะ💪🏻
สรุป แคมเปญลดการปล้นจี้ ด้วยHijack Strategy ขโมยพื้นที่ ads บอกโซนอันตราย
จากรายงานของ VMLY&R Johannesburg บอกว่า แคมเปญนี้เข้าถึงผู้ขับขี่ได้มากถึง 360,000 คน และมีคนราว 200 คนต่อวัน ที่คลิกเพื่อขอเปลี่ยนเส้นทางที่ปลอดภัยกว่า แถมยังสามารถเพิ่มการมีส่วนร่วมกับโฆษณาบน Waze เป็นสองเท่าอีกด้วยค่ะ
เตยมองว่านี่เป็นแคมเปญที่ปรับใช้และดึง Data ออกมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและช่วยชีวิตคน ผู้ขับขี่บนท้องถนนได้ดีมาก ๆ เพราะเลือกได้ก็คงไม่มีใครที่อยากจะสูญเสียหรือพบเจอกับเหตุการณ์แบบนี้กันทั้งนั้น ถ้าเราเอามาพลิกแพลง ปรับใช้ให้เข้ากับบริบทปัญหาของบ้านเราบ้างก็น่าจะดีเหมือนกันนะเนี่ย
เราหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์และสร้างไอเดียใหม่ ๆ ต่อผู้อ่านทุกคนนะคะ แล้วพบกันใหม่บทความหน้าค่ะ
สำหรับใครที่อยากอ่านบทความเกี่ยวกับการตลาด หรือข่าวสารการตลาด แบบจัดหนักจัดเต็ม สามารถติดตามได้จาก เพจการตลาดวันละตอน รวมไปถึงเว็บไซต์ Twitter Instagram YouTube และ Blockdit ของการตลาดวันละตอนด้วยนะคะ
Source
