การตลาด McDonald’s จับ Curiosity gap ชวนคนสงสัย เรียก WOM

บทความนี้จะพาทุกคนมาดู การตลาด McDonald’s ที่เล่นกับ Curiosity gap การตลาดที่ชวนคนเกิดความสงสัย จนสามารถบอกต่อกันแบบรัว ๆ ได้ ซึ่งเป็นช่วงพิเศษของแบรนด์เพราะ McDonald’s จะคัมแบ็คเมนูดังอย่าง McRib หลังจากห่างหายไปนานถึง 10 ปี ดังนั้นกลับมาทั้งทีจะเปิดตัวกันแบบธรรมดา ๆ ก็คงจะง่ายเกินไป แต่จะมีลูกเล่นกิมมิคมาชวนสร้างความสงสัยยังไงบ้าง ตามมาดูกันต่อค่ะ

ที่มาที่ไปของแคมเปญ McRib Returns

ต้องบอกก่อนว่าเมนู McRib ที่ McDonald’s นำกลับมานี้ได้ห่างหายไปจากเมนูในสหราชอาณาจักรยาวนานถึง 10 ปี ตอนนั้นที่เคยเลิกขายไปเพราะคิดว่าคนไม่ค่อยสนใจเมนูนี้กันสักเท่าไหร่ค่ะ แต่การกลับมาในครั้งนี้ก็เพราะแฟน ๆ แมคคิดถึง ไหนจะการพูดถึงในโซเชียลที่ต่างก็เรียกร้องอยากให้เมนูนี้กลับมาอีกครั้งนึงเช่นกัน

แต่อย่างที่ได้เกริ่นกันไปว่าจะกลับมาทั้งทีจะธรรมดาได้ไง ยิ่งหายไปนานนับ 10 ปีแบบนี้ บางคนอาจจะลืมไปแล้วหรือไม่ทันได้รู้จักด้วยซ้ำ ดังนั้นก็เพื่อเป็นการสร้างกิมมิค สร้างความน่าตื่นเต้นกันสักนิดนึง จึงร่วมมือกับเอเจนซีดังในลอนดอนอย่าง Leo Burnett UK และ RED Consultancy มาร่วมทำแคมเปญนี้กัน

ทีนี้มาถึงตัวไฮไลท์ของแคมเปญกันบ้างก็คืออยู่ที่ลักษณะของคอนเทนต์นี่แหละค่ะ ที่ทำให้ดูเป็นเหมือนข่าวปลอม555 เป็นฟีลชาวบ้านปล่อยข่าว สร้างความน่าสงสัยทำให้คนคิดว่ามันคืออะไรหรอ เรื่องจริงไหมเนี่ย

เริ่มจากการส่งการส่งข้อความแจ้งเตือนในแอปของ McDonald’s ก่อน ที่มีฐานอยู่ประมาณ 1.82 ล้านคนเลยทีเดียว โดยตัวข้อความก็คง Concept ชวนงงอย่าง ‘McRib_Test.notification_16.10.24 [TEST]’ ก็คือดีไซน์มาให้ดูเหมือนระบบผิดพลาด ทำให้คนอยากรู้อยากเห็นต่อ รวมถึงยังมีโฆษณาตามสื่อ OOH ทั่วลอนดอนด้วย

ไม่ใช่แค่นั้นแต่ในร้านเองก็มีการเปิดเพลงพิเศษที่ชื่อ McRib FM ทุก ๆ 2 ชั่วโมงเอาให้หลอนหูกันไปเลยสิ และไม่กี่วันต่อมาตามป้าย OOH ต่าง ๆ ก็มีข้อความว่า The McRib isn’t not back แถมแบรนด์ยังโพสต์ข้อความเล่นกับคนบนโซเชียลให้ชวนงงกันไปด้วยว่า To be clear, it’s almost definitely probably not not not coming back ตกลงจะขายไม่ขาย ขอคนเข้าใจ555

แต่ใด ๆ ก็ไม่ได้หลอกไปตลอดกาล แค่เป็นความสนุกของแคมเปญในช่วงนึง จนสุดท้ายก็เปิดเผยความจริงให้ทุกคนรู้พร้อมกับปล่อยโฆษณาความยาว 10 วินาที หรือคลิปที่แปะอยู่ด้านบนตอนต้นบทความนั่นแหละค่ะ เป็นการยืนยันจริง ๆ ละว่า McDonald’s จะกลับมาขายเมนู McRib ~

Curiosity gap เล่นกับความสงสัยของคน

เริ่มอธิบายถึง Curiosity Marketing พูดให้เข้าใจง่ายและเป็นกันเองที่สุดก็คือการทำคอนเทนต์ให้คนรู้สึกว่าต่อมความอยากรู้อยากเห็นของเขามันเริ่มจะกระตุก555 เหมือนเหตุการณ์ไทยมุง เพราะความสงสัยใคร่รู้มันเป็นความธรรมชาติของมนุษย์เราอยู่แล้วด้วยแหละค่ะ ยิ่งมี Hint มานิด ๆ ยิ่งอยากรู้ต่อเข้าไปใหญ่

ยกตัวอย่างเปรียบเทียบเหมือนพวกแคมเปญเครื่องดื่มหรือขนมที่มีให้ทายรสชาติปริศนา แม้คนจะยังไม่รู้เลยว่ามันคือรสอะไร จะอร่อยถูกปากไหมไม่รู้ แต่ต่อมอยากรู้อยากเห็นมันเรียกร้องให้ซื้อมาลองกินดูซะก่อน จากแค่ความสงสัยเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้น ทุกคนน่าจะเห็นได้ว่ามันนำไปสู่การเกิด Action ต่าง ๆ ตามมาได้มากมาย ทั้งเอาไปคุยต่อกัน ทำคอนเทนต์ ตัดสินใจซื้อมาลองต่าง ๆ นา ๆ

ลองคิดดูซิคะถ้าเป็นแจ้งเตือนเมนูอาหารธรรมดา คนก็อาจจะโอเคแค่เห็น รับรู้แล้ว หรือไม่ได้สนใจอะไรต่อ แต่การทำแคมเปญแบบนี้ก็เป็นอีกหนึ่งกิมมิคดีที่กระตุ้นความสนใจของคนได้ แต่ข้อควรระวังนิดนึงในยุคที่มิจฉาชีพระบาดกันมากเบอร์นี้ ฝั่งแบรนด์ก็ต้องไปคิดและดีไซน์กันดี ๆ ว่าแคมเปญในโลกออนไลน์จะทำออกมายังไงให้ดูไม่เหมือนข้อความจากเหล่ามิจจี้

อย่างเช่นอาจจะใช้หลาย ๆ สื่อประกอบกันแบบแคมเปญนี้ มีทั้งการส่งข้อความจาก Official เลย รวมถึงเดินไปไหนมาไหนก็เห็นได้จากสื่อ OOH อาจจะประกอบกับการใช้ Influencer เพิ่มความน่าเชื่อถือได้ด้วย เป็นต้นค่ะ

Word-of-Mouth ข่าวแพร่เร็วยิ่งกว่าเชื้อโรค

ต้องยอมรับว่าโลกสมัยนี้เปลี่ยนไปจากแต่ก่อน ทุกวันนี้ลองดูสิว่าเราส่งคลิป TikTok ให้เพื่อนดูวันละกี่สิบคลิป พฤติกรรมการบอกต่อ แชร์ต่อ ส่งให้เพื่อนดูมันมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ดังนั้นบางทีจริง ๆ คนอาจไม่ได้โฟกัสกันแล้วว่าต้องมียอดไลค์มากเท่านี้ คอมเมนต์มากเท่านั้น แต่การส่งต่อกัน บอกต่อกันมากกว่าที่บางครั้งคอนเทนต์กลายมาเป็นไวรัลได้เพราะคนพูดกันเยอะ

อย่างแคมเปญนี้มีทั้งเล่นผ่านสื่อ OOH และในโลกออนไลน์ อย่างข้อความแจ้งเตือนในแอปของ Mcdonald’s ที่ชวนงงชวนสงสัย ซึ่งสามารถหยิบมาเป็น Topic ในการคุยกับเพื่อนหรือแชร์ลงโซเชียลได้เหมือนกัน ส่งต่อกันว่าไอเจ้าข้อความนี่มันคืออะไร มีใครได้เหมือนฉันไหม Mcdonald’s กำลังจะทำอะไรหรอ

ซึ่งการใส่ Creative Idea เข้ามาแบบนี้แน่นอนว่าย่อมสร้างความน่าสนใจ กระตุ้นต่อมความอยากรู้อยากเห็น ชวนให้คนพูดถึงกันได้มากกว่า มากกว่าแค่การที่แบรนด์จะออกมาบอกตรง ๆ โต้ง ๆ ว่าอ่า..แบรนด์ฉันกำลังจะเอาเมนูนี้กลับมาแล้วนะ ก็จะเหมือนแค่แจ้งให้ทราบกันเกินไป จะเอาเมนูนี้กลับมาในรอบ 10 ปีทั้งที ทศวรรษนึงเลยนะ ก็ต้องใส่ความสนุกสนานลงไปในแคมเปญสร้างสีสันกันซะหน่อย

หรือยิ่งกับคนที่อาจจะไม่เคยรู้จักเมนูนี้มาก่อน ยิ่งอยากรู้อยากเห็นอยากถามอยากคุยต่อกันเข้าไปใหญ่ เปิดตัวมาแบบนี้ก็คงต้องตั้งหน้าตั้งตารอตื่นเต้นกับเมนูใหม่ของแบรนด์ Fast Food เจ้าใหญ่เจ้าดังที่คนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี

การตลาด McDonald’s จับ Curiosity gap ชวนคนสงสัย เรียก WOM

AI-Generated Image by Shutterstock (Prompt: create photography, McRib menu, McDonald’s logo, on the billboard ads, seem like error message, sunny day.)

เป็นยังไงกันบ้างคะสำหรับบทความนี้ที่ได้พาทุกคนมาดู การตลาด McDonald’s จับ Curiosity gap ชวนคนสงสัย เรียก Word of Mouth อีกหนึ่งตัวอย่างของแคมเปญที่หาแง่มุมใหม่ ๆ มาเล่นกับการเปิดตัวสินค้า แม้ในที่นี้จะไม่เชิงเปิดตัว แต่เป็นการคัมแบ็คเมนูดังที่เคยมีซะมากกว่า ด้วยความห่างหายไปนานนับทศวรรษจะกลับมาทั้งทีเลยต้องใส่ Creative Idea เข้าไปสักหน่อย ทำให้กลับมาเป็นที่พูดถึงได้แบบไม่ต้องขายอะไรมากซะด้วยซ้ำ

ทั้งนี้หวังว่าทุกคนจะได้ความรู้ดี ๆ และประโยชน์กลับไปไม่มากก็น้อยนะคะ แล้วเจอกันใหม่ในบทความหน้าค่า และสามารถติดตามบทความด้านการตลาดเพิ่มเติมได้จากเพจการตลาดวันละตอนที่ เว็บไซต์ Facebook Instagram Twitter และ Youtube ได้เลย

Source

เฟิร์น Marketing Content Creator แห่งการตลาดวันละตอน รักแมวอ้วนและหมาโกลเด้น ชอบงานศิลปะและท่องเที่ยวธรรมชาติ ตั้งใจสร้างสรรค์ทุกผลงาน ฝากเป็นกำลังใจและติดตามคอนเทนต์ใหม่ ๆ ต่อจากนี้ด้วยค่ะ <3

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *