ต้องยอมรับว่า E-commerce ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีการเติบโตที่รวดเร็ว และยังมีแนวโน้มที่จะโตอีกเรื่อย ๆ ทำให้ผู้ประกอบการ พ่อค้าแม่ค้า ต้องมีเครื่องมือเข้ามาช่วยสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน โดยเฉพาะการเข้าถึงลูกค้า เพราะยิ่งเราเข้าถึงลูกค้าได้มาก ก็ย่อมมีโอกาสมากกว่า ดังนั้นเครื่องมือที่จะเข้ามาช่วยให้ร้านค้าเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้นคือ เครื่องมือโปรโมทผ่านพาร์ทเนอร์จาก Lazada ที่จะช่วยเพิ่มการมองเห็น กระจายช่องทางการขาย ขยายฐานลูกค้า และสร้างยอดขายได้อย่างรวดเร็ว
อย่างที่บอกว่า E-commerce ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีการเติบโตที่รวดเร็ว และยังมีแนวโน้มที่จะโตอีกเรื่อย ๆ โดยข้อมูลจาก Transforming Southeast Asia – From Discovery to Delivery : Thailand ระบุว่าจำนวนผู้ใช้ E-commerce ในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และได้กลายเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญของอุตสาหกรรมค้าปลีกในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และคาดการณ์ว่าจำนวนผู้ใช้จะเพิ่มเป็น 43.5 ล้านคนภายในปี พ.ศ. 2568 ตอนนี้จำนวนผู้ใช้ในประเทศไทยอยู่ที่ 56% ในปี พ.ศ. 2565 และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 61.8% ภายในปี พ.ศ. 2568
นอกจากนั้นยังระบุว่า การ Shopping บนสมาร์ทโฟนเป็นที่นิยมมากขึ้น โดยเฉพาะบน Lazada 79% ของผู้ใช้ของ Lazada ในประเทศไทย ซื้อสินค้าออนไลน์บนสมาร์ทโฟนมากกว่าอุปกรณ์อื่น และ 74% ของผู้บริโภคออนโลน์ในประเทศไทยซื้อสินค้าอย่างน้อยเดือนละครั้ง
ไม่เพียงเท่านั้นในการตัดสินใจซื้อของลูกค้า โฆษณาบนสื่อออนไลน์และอินฟลูเอนเซอร์เป็นแรงจูงใจสำคัญก่อนการซื้อ เพราะทุกวันนี้ผู้บริโภคถูกรายล้อมด้วยแรงจูงใจในการซื้อมากมาย เช่น โซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ของแบรนด์ บล็อก เพื่อน สื่อโทรทัศน์ คนดัง และอินฟลูเอนเซอร์ โดย 52% ของผู้ใช้ ดูโฆษณาออนไลน์เพื่อหาแรงบันดาลใจในการช้อปปิง และ 12% ได้แรงจูงใจจากบล็อกเกอร์และอินฟลูเอนเซอร์ หมายความว่าหากเรามีช่องทางอยู่บนแพลตฟอร์มออนไลน์มากเท่าไหร่ ก็จะมีโอกาสเข้าถึงลูกค้ามากกว่าคนอื่นใช่ไหมคะ
แน่นอนว่าคำตอบคือใช่ เพราะข้อมูลจาก Transforming Southeast Asia – From Discovery to Delivery : Thailand ยังระบุอีกว่า เว็บไซต์ E-commerce เป็นหนึ่งใน Search Engine และช่องทางค้นหาสินค้าหลักในประเทศไทย 43% ของผู้บริโภคในประเทศไทยค้นหาสินค้าโดยตรงจากแพลตฟอร์ม E-commerce และการ Shopping Online มีความหลากหลายและไม่ได้เป็นเพียงแค่ช่องทางการซื้อขายสินค้าอย่างเดียว
ลูกค้าที่ต้องการซื้อสินค้ามีวิธีมากมายในการเลือกซื้อและค้นหาสินค้าทั้งบน Social Media ไปจนถึงแพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งการค้นหาสินค้าบนแพลตฟอร์ม E-commerce ก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น นอกเหนือจากการค้นหาด้วย Social Media และ Google ค่ะ จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเราจึงควรมีช่องทางการเข้าถึงสินค้าของเราที่หลากหลายและมากขึ้น เพื่อสร้างโอกาสในการเข้าถึงลูกค้า และสร้างยอดขายนั่นเองค่ะ
แต่ในความเป็นจริง เราไม่สามารถกระจายสินค้าของเราลงไปในทุกช่องทางโดยตัวเราเองคนเดียวหรืออาจจะทำได้ แต่คงต้องลงทุนไม่ใช่น้อย ทั้งในด้านของเงินทุน เวลา และ ทรัพยากรคน บทความนี้เลยจะพาทุกคนไปรู้จักกับ เครื่องมือโปรโมทผ่านพาร์ทเนอร์ ที่จะทำให้เราสามารถกระจายสินค้าไปยัง Partners กว่า 4,000 รายในประเทศไทย
เครื่องมือโปรโมทผ่านพาร์ทเนอร์ คืออะไร
เครื่องมือโปรโมทผ่านพาร์ทเนอร์ เป็นเครื่องมือที่จะช่วยเพิ่มยอดขายให้ร้านค้าของคุณด้วยการโปรโมทผ่านพาร์ทเนอร์ของ Lazada พร้อมยังการันตีผลตอบแทนการลงทุน (ROI) จากผลสำรวจการใช้งานเครื่องมือโปรโมทผ่านพาร์ทเนอร์ของร้านค้า ที่เพิ่มขึ้น 5 – 25 เท่า!
เสียค่าใช้จ่ายตามเปอร์เซ็นต์ที่กำหนดไว้ทุกครั้งที่มีการขายสินค้าได้ โดยระบบจะตรวจสอบคำสั่งซื้อและหักค่าธรรมเนียมจากยอดรายได้ของร้านค้าอัตโนมัติ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ล่วงหน้า พร้อมทั้งเข้าถึงลูกค้าจากหลากหลายช่องทาง ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เข้าถึงลูกค้าด้วยอินฟลูเอนเซอร์, เว็บไซต์เช็คราคา, แอปคืนเงิน ซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์ของ Lazada กว่า 4,000 รายในไทย เพื่อเพิ่มการรับรู้ ยอดเข้าชม และการใช้ก็แสนง่าย ตั้งค่าไม่ถึง 5 นาทีอีกด้วยค่ะ โดยรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถศึกษาที่ Lazada University
ซึ่งการทำงานของ เครื่องมือโปรโมทผ่านพาร์ทเนอร์ จะเริ่มจาก
1. ร้านค้าตั้งค่าแคมเปญโปรโมทผ่านพาร์ทเนอร์ใน Seller Center พร้อมตั้งค่าคอมมิชชัน
2. พาร์ทเนอร์โปรโมทร้านค้าและเพิ่มยอดเข้าชมไปยังร้านค้าของเราใน Lazada โดยเราสามารถติดตามรายงานประสิทธิภาพสำหรับค่าใช้จ่าย, ยอดขาย, ออเดอร์, จำนวนชิ้นที่ขายและผลตอบแทนการลงทุนได้ทั้งในแบบภาพรวมและรายการสินค้า
3. ผู้ซื้อค้นหาสินค้าผ่านสื่อออนไลน์, บล็อก, เว็บไซต์เปรียบเทียบราคา, แอปเงินคืน และอื่น ๆ
4. ผู้ซื้อคลิกที่แบนเนอร์จากเว็บไซต์ของพาร์ทเนอร์แล้วเข้ามายังร้านค้าของคุณใน Lazada และซื้อสินค้า
5. ร้านค้ารับคำสั่งซื้อ ขายสินค้า หลังจากสินค้าจัดส่ง และมีการตรวจสอบความโปร่งใสโดยระบบแล้ว ค่าธรรมเนียมจะถูกชาร์จไปยังร้านของคุณ ให้ทำการจ่ายค่าคอมมิชชันตามที่กำหนดไว้ในการตั้งค่าเครื่องมือโปรโมทผ่านพาร์ทเนอร์ โดยรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถศึกษาที่ Lazada University
วิธีการใช้เครื่องมือ โปรโมท ผ่านพาร์ทเนอร์
หลังจากที่เราทำความรู้จัก เครื่องมือโปรโมทผ่านพาร์ทเนอร์ กันไปคร่าว ๆ แล้ว ต่อมาจะเป็นในส่วนของวิธีใช้กันค่ะ โดยเริ่มจาก
ขั้นตอนที่ 1 เข้าใช้งาน
หลังจากล็อกอินเข้ามายัง Seller Center แล้ว คลิกที่ ‘ศูนย์การทำการตลาด’ ให้เลือก ‘เครื่องมือโปรโมทสินค้า’ แล้วคลิกไปที่ ‘การจัดการแคมเปญ’
ขั้นตอนที่ 2 ตั้งค่าวันเริ่มต้นและวันสิ้นสุด
การตั้งค่าระยะเวลาจะเป็นตัวกำหนดช่วงเวลาในการใช้งานแคมเปญ เมื่อถึงวันหมดอายุที่ตั้งค่าไว้แล้ว แคมเปญจะหยุดทำงานโดยอัตโนมัติ โดยสามารถตั้งค่าระยะเวลาแคมเปญได้ตั้งแต่ 7 วันขึ้นไป ซึ่งแคมเปญจะมีการตั้งค่าเริ่มต้นให้เป็นไม่มีวันสิ้นสุด หากต้องการเปลี่ยนแปลง ให้คลิกที่คำว่า “ตั้งค่าวันที่สิ้นสุด” เพื่อตั้งค่าวันสิ้นสุดของแคมเปญ
ซึ่งทาง Lazada เองก็แนะนำให้เลือก “ไม่มีวันสิ้นสุด” เพื่อเพิ่มโอกาสในการเพิ่มยอดขาย โดยการเปลี่ยนแปลงกำหนดการและค่าคอมมิชชันทั้งหมด สามารถทำได้ตลอดเวลา แต่จะมีผลเวลา 12.00 น. ของวันถัดไปค่ะ
ขั้นตอนที่ 3 กำหนดค่าคอมมิชชันพื้นฐานของทั้งร้านตามหมวดหมู่สินค้า
โดยค่าคอมมิชชันขั้นต่ำเริ่มต้นที่ 4% สามารถคลิกที่ ‘แสดงเพิ่มเติม’ เพื่อเลือกดูหมวดหมู่อื่น ๆ ทั้งนี้ ค่าคอมมิชชันของหมวดหมู่ที่ซ่อนไว้จะเป็นไปตามการตั้งค่าเริ่มต้น ซึ่งกำหนดไว้ที่ขั้นต่ำคือ 4% โดยค่าคอมมิชชันของแต่ละหมวดหมู่จะมีดังนี้ค่ะ
ซึ่งการตั้งค่าคอมมิชชันสูงจะช่วยดึงดูดพาร์ทเนอร์ให้เลือกร้านค้าหรือสินค้าไปโปรโมท โดยเราสามารถอ้างอิงอัตราเฉลี่ยของค่าคอมมิชชันที่ใช้ในตลาด เพื่อให้แน่ใจว่าค่าคอมมิชชันที่ตั้งไว้จะสามารถแข่งขันกับร้านค้าอื่น ๆ ได้ค่ะ
ขั้นตอนที่ 4 เลือกตำแหน่งการแสดงผล
ตำแหน่งการแสดงผลในแอปของพาร์ทเนอร์ของลาซาด้าและแอปต่างๆจะถูกเลือกโดยค่าเริ่มต้นเพื่อกระตุ้นยอดขายด้วยค่าคอมมิชชันที่ตั้งไว้ โดยสามารถดูคำอธิบายของตำแหน่งการแสดงผลได้โดยวางเมาส์ที่ไอคอนข้อมูลถัดจากตำแหน่งการแสดงผลค่ะ
ขั้นตอนที่ 5 เพิ่มแบนเนอร์ (ไม่บังคับ)
พาร์ทเนอร์ที่เข้าร่วมกับลาซาด้าส่วนหนึ่งจะโปรโมทร้านค้าของคุณด้วยการเลือกใช้แบนเนอร์ ซึ่งร้านค้าสามารถใส่แบนเนอร์เข้าไปในแคมเปญได้ด้วยวิธีการดังนี้: เลือกจากแบนเนอร์ที่แนะนำ หรือ อัปโหลดแบนเนอร์ของคุณเอง คลิกคำว่า ยืนยัน
เพื่อเพิ่มการมองเห็น ร้านค้าสามารถเลือกหรืออัปโหลดแบนเนอร์ 5 ชิ้นขึ้นไป โดยสามารถศึกษาวิธีการสร้างแบนเนอร์เพิ่มเติมเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกปฏิเสธ ได้ดังนี้ค่ะ
เริ่มจากองค์ประกอบพื้นฐาน ส่งข้อความโปรโมทสินค้าที่น่าสนใจไปยังผู้ชมของคุณด้วยการสร้างแบนเนอร์ตามองค์ประกอบต่อไปนี้
1. ชื่อร้าน / โลโก้ของแบรนด์
2. ช่วงเวลาของแคมเปญ (ถ้ามี)
3. จุดขายของแคมเปญ
4. ปุ่มสำหรับให้ลูกค้าคลิกเพื่อซื้อสินค้า
5. รูปภาพของสินค้า
โดยนามสกุลและขนาดของไฟล์ที่สามารถใช้งานได้ คือ jpeg และ png และ ไฟล์ภาพควรมีขนาดไม่เกิน 2MB นะคะ ซึ่งขนาดของแบนเนอร์ที่แนะนำแบบเป็นพิกเซลมีดังนี้ค่ะ
1200 x 628 / 120 x 600 / 320 x 50 / 300 x 250
รวมถึงขนาดอื่น ๆ เป็นพิกเซลที่สามารถใช้งานได้ ดังนี้ค่ะ
728×90 / 1200×1200 / 1200×630 / 160×600 / 300×100 / 300×600 / 428×90 / 468×60 / 640×200 / 600×600 / 640×320 / 1200 x 900 / 1090 x 1090 / 700×500 / 800×400 / 1400×428
ขั้นตอนที่ 6 ตรวจสอบการตั้งค่าของแคมเปญ
คุณสามารถตรวจสอบรายละเอียดการตั้งค่าแคมเปญทั้งหมดได้อีกครั้ง จากนั้นคลิกที่ปุ่ม ยืนยัน เพื่อเสร็จสิ้นการสร้างแคมเปญ
ขั้นตอนที่ 7 คุณสามารถเลือกได้ว่าคลิกที่ สร้างค่าคอมมิชชันสินค้า เพื่อตั้งค่าคอมมิชชันเพิ่มเติมสำหรับสินค้าที่เลือก หรือ คลิกที่ กลับไปหน้าโปรโมทผ่านพาร์ทเนอร์
นอกจากนั้นเราสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของแคมเปญ หรือ สินค้าของเราได้โดยตั้งค่าคอมมิชชันเพิ่มเติมได้ด้วยค่ะ วิธีการก็ดังนี้เลยค่ะ
การตั้งค่าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ โดยใช้ค่าคอมมิชชันเพิ่มเติม
ขั้นตอนที่ 1 เข้าใช้งาน
คลิกที่ สร้างค่าคอมมิชชันเพิ่มเติมเพิ่มโอกาสในการโปรโมทสินค้าด้วยการกำหนดค่าคอมมิชชันเพิ่มเติมจากค่าคอมมิชชันพื้นฐานที่ตั้งไว้ค่ะ
ขั้นตอนที่ 2 เลือกสินค้าที่ต้องการตั้งค่าคอมมิชชันเพิ่มเติม
โดยเลือกสินค้าได้สูงสุด 50 ชิ้น หากสินค้าได้ถูกเลือกไปแล้ว จะขึ้นข้อความบอกสถานะว่า “ใช้งานอยู่” เมื่อเลือกสินค้าเสร็จแล้ว คลิกที่ปุ่ม ยืนยัน เพื่อไปยังขั้นตอนถัดไปค่ะ
หากไม่รู้จะเลือกสินค้ายังไง แนะนำให้เลือกสินค้าที่มีคะแนนคุณภาพดีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ โดยสินค้าที่มีแนวโน้มจะเพิ่มยอดขายได้ มีดังนี้
1.สินค้าขายดี
สินค้าขายดีสามารถเพิ่มยอดขายได้ด้วยการทำให้ยอดเข้าชมของร้านเพิ่มขึ้น
2.สินค้าในแคมเปญ หรือมีข้อเสนอพิเศษ
สินค้าที่ลดราคาและมีข้อเสนอพิเศษจะช่วยให้ผู้ซื้อเลือกของใส่รถเข็นและกดสั่งซื้อ
3.สินค้าที่มีราคาดึงดูดใจ
ราคาสินค้าคือปัจจัยสำคัญสำหรับผู้ซื้อ โดยสินค้าที่มีราคาไม่แพงจะดึงดูดผู้ซื้อให้คลิกที่สินค้าได้
4.สินค้าที่กำลังเป็นกระแสและสินค้ามาใหม่
ตามกระแสความนิยมในท้องตลาดและเพิ่มยอดขายโดยเลือกสินค้าที่กำลังอินเทรนด์หรือสินค้าเข้าใหม่ในร้าน
5.สินค้าที่ได้กำไรดี
เลือกสินค้าที่คุ้มค่ากับการลงทุนและสามารถทำกำไรให้กับร้านค้าได้
ขั้นตอนที่ 3 การตั้งค่าคอมมิชชันเพิ่มเติมสำหรับรายสินค้า
ระยะเวลาของค่าคอมมิชชันเพิ่มเติมควรอยู่ในช่วงเวลาที่แคมเปญเปิดใช้งาน โดยการตั้งค่าคอมมิชชันเพิ่มเติมนั้นเริ่มต้นที่ 1% ต่อมากำหนด วันเริ่มต้น และวันสิ้นสุด พร้อมกรอกตัวเลขค่าคอมมิชชันเพิ่มเติม คลิกที่คำว่า ‘ยืนยัน’ เพื่อเสร็จสิ้นการตั้งค่า
โดยค่าคอมมิชชันรวมทั้งหมดของสินค้าคือ ค่าคอมมิชชันพื้นฐานของร้านค้า + ค่าคอมมิชชันเพิ่มเติม
นอกจากนั้นยังมีคำแนะนำเพิ่มเติม ถึงสิ่งที่ควรทำ และไม่ควรทำผ่านการโปรโมทผ่านพาร์ทเนอร์อีกด้วย เช่น ควรกำหนดค่าคอมมิชชันพื้นฐานของร้านค้าตามราคาแนะนำในแต่ละหมวดหมู่ และไม่ควรกำหนดค่าคอมมิชชันพื้นฐานต่ำเกินไป โดยสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมด้านล่างนี้ได้เลยค่ะ
หลังจากอ่านมาถึงตรงนี้หวังว่าทุกคนคงจะเข้าใจ และสามารถใช้เครื่องมือโปรโมทผ่านพาร์ทเนอร์ได้นะคะ หากใครมีข้อสงสัย หรือ ต้องการศึกษาเพิ่มเติม สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Lazada University ได้เลยค่ะ
การโปรโมทแบบนี้จะคิดค่าใช้จ่ายก็ต่อเมื่อมีการคลิก และจัดส่งสินค้าสำเร็จ ดังนั้นผู้ขายจะถูกเรียกเก็บเงินเมื่อมีการซื้อเกิดขึ้นเท่านั้นค่ะ เรียกได้ว่าคุ้มค่าสุด ๆ เลยค่ะ นี่ก็คือทั้งหมดของ เครื่องมือโปรโมทผ่านพาร์ทเนอร์จาก Lazada ที่จะช่วยร้านค้ากระตุ้นยอดขาย และขยายฐานลูกค้าค่ะ เป็นไงบ้างคะ อยากลองใช้เครื่องมือโปรโมทกันเลยใช่ไหมคะ สำหรับนักการตลาด และผู้ขายต้องถูกใจแน่นอนค่ะ
ทั้งช่วยเพิ่มการมองเห็นบนแพลตฟอร์มออนไลน์ เว็บไซต์ แอปพลิเคชันต่าง ๆ รวมทั้งการคิดค่าบริการก็ถูก เพราะคิดเมื่อเกิดการจัดส่งสำเร็จเท่านั้น เรียกว่าถ้าคำนวณและเลือกสินค้าเข้าร่วมดี ๆ จะช่วยเพิ่มยอดขาย และสร้างกำไรได้แน่นอนค่ะ
หากอยากเรียนรู้เทคนิค เคล็ดลับการใช้เครื่องมือโปรโมท และอ่านวิธีการใช้งานพร้อมเงื่อนไข สามารถศึกษาเพิ่มเติมที่ Lazada University ได้เลยค่ะ
สำหรับท่านที่อยากติดตามข่าวสารทางการตลาด รวมทั้งความรู้การตลาด และความรู้จาก Lazada ผู้เขียนฝากติดตามไว้ด้วยนะคะและนอกจากนั้นสามารถติดตามได้จาก เพจการตลาดวันละตอน รวมไปถึงเว็บไซต์ Twitter Instagram YouTube ของการตลาดวันละตอนได้เลยนะคะ แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้าค่ะヽ(•‿•)ノ
Source Source
อ่านบทความเพิ่มเติมได้ตรงนี้เลยค่ะ