การตลาด Doritos Silent ตัดเสียงเคี้ยวขนมตอนเล่นเกม สร้าง Customer Experience

การตลาด Doritos Silent ตัดเสียงเคี้ยวขนมตอนเล่นเกม สร้าง Customer Experience

บทความนี้จะชวนทุกคนมาดูแบรนด์ขนมกรุบกรอบ หน้าตาสามเหลี่ยมแบบที่หลาย ๆ คนน่าจะคุ้นเคยกันค่ะกับ การตลาด Doritos Silent ที่สร้างซอร์ฟแวร์ขึ้นมาเพื่อตัดเสียงเคี้ยวขนมขบเคี้ยวกรุบ ๆ กรอบ ๆ ที่แสนจะน่ารำคาญและเสียงดังรบกวนผู้เล่นหลาย ๆ คนในระหว่างที่กำลังเล่นเกม เพื่อสร้าง Customer Experience ที่ดี แต่จะมีรายละเอียดที่น่าสนใจยังไงบ้าง ต้องตามมาดูกันต่อค่า

ที่มาที่ไปของแคมเปญ การตลาด Doritos Silent 

จากการวิจัยของ Pepsico พบว่า 86% ของเกมเมอร์ ชอบกินอาหารว่างระหว่างเล่นเกม แต่ทั้งนี้แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะชอบได้ยินเสียงการกินการเคี้ยว โดย 2 ใน 3 จัดให้เสียงที่ดังจากการกินขนมขบเคี้ยวเป็นเสียงที่น่ารำคาญที่สุดเลยทีเดียว

ดังนั้นมันก็กลายมาเป็น Pain Point ที่ว่าเมื่อเสียงกินขนมสะท้อนหูฟังเกมเมอร์ มันเลยไม่ใช่แค่ว่าเป็นการรบกวนคนที่อยู่ปลายสายเท่านั้น แต่ยังทำให้คนกินเกิดความรู้สึกผิด จนทำให้ต้องเลี่ยงที่จะกินสิ่งที่อยากกินไปด้วย ทั้ง ๆ ที่เกมเมอร์ชอบกินขนม อาหารว่าง ระหว่างที่เล่นเกม

ดังนั้น Doritos จึงได้ร่วมมือกับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ชั้นนำอย่าง Smooth Technology สร้างซอฟต์แวร์ที่ใช้ AI ในการตัดเสียงเคี้ยวขนมขบเคี้ยวที่หูฟังจับได้ โดยเจ้าโมเดล AI ก็คือผ่านการฝึกฝนเรียนรู้จากเสียงการกินขนม Doritos 5,000 ครั้ง เพื่อให้สามารถแยกเสียงพูดกับเสียงเคี้ยวขนมกรุบ ๆ กรอบ ๆ ได้จริงนั่นเอง

ทั้งนี้ผลลัพธ์ของแคมเปญ Doritos Silent ได้รับการเข้าชม Microsite มากกว่า 1.8 ล้านครั้ง ทำให้มี PR reach ถึง 3.2 พันล้านครั้ง นอกจากนี้ Doritos ยังประสบความสำเร็จในการเพิ่ม Brand Awareness ถึง 76% เรียกได้ว่าแคมเปญนี้ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับแบรนด์ได้เลยว่า Doritos จะเป็นขนมหรืออาหารว่างเบอร์หนึ่งสำหรับเกมเมอร์

แก้ Pain Point ให้เกมเมอร์ สร้าง Customer Experience ที่ดี

ก็อย่างที่ได้เล่ากันไปว่าเกมเมอร์ส่วนใหญ่นั้นชอบกินขนมขบเคี้ยวขณะเล่นเกมกันอยู่แล้ว จึงเป็นเหตุที่ว่าทำไมเสียงกรุบกรอบจากการกินขนมขบเคี้ยว ถึงเป็นปัญหาสำหรับเหล่าเกมเมอร์ในตอนแรก

ด้วยความที่ Doritos มองเห็นความสำคัญของปัญหาและจับ Pain Point ตรงนี้มาเล่นในตลาดใหญ่ที่สำคัญ อย่างที่ Karina Stoltz senior brand manager ของ Doritos ได้ระบุในแถลงการณ์ไว้ว่า อุตสาหกรรมเกมมีมูลค่ามหาศาลกว่า 7 พันล้านปอนด์ และเป็นที่นิยมโดยเฉพาะในกลุ่ม Gen Z ซึ่งเป็นกลุ่มผู้บริโภคหลักของ Doritos อีกด้วย

ดังนั้นแคมเปญ Doritos Silent ที่เข้ามาแก้ปัญหา ตัดเสียงรบกวนจากการกินขนมขบเคี้ยว ก็เหมือนเป็นการสร้างโอกาสให้ผู้บริโภคยอมรับการกินขนมขบเคี้ยวในระหว่างเล่นเกม คนกินก็ไม่ต้องรู้สึกผิดหรือห้ามตัวเองไม่ให้กินอีกต่อไปแล้ว ไม่ต้องกังวลว่าเสียงจะไปรบกวนผู้เล่นคนอื่น ๆ อีก

ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็จะช่วยให้แบรนด์สามารถ Connect กับ Community ของเหล่าเกมเมอร์ได้ และแน่นอนว่าก็จะมีมุมมองต่อแบรนด์ในทางที่ดี มีแนวโน้มที่จะซื้อขนมขบเคี้ยวของแบรนด์ Doritos มาเป็นของว่างกินจุ๊บจิ๊บระหว่างเล่นเกม

ชูจุดเด่นความกรอบด้วย Creative Idea

ความน่าสนใจของแคมเปญนี้ในอีกแง่มุมนึง จริง ๆ แล้วความ ‘กรอบ’ สำหรับแบรนด์ขนมก็ถือเป็นข้อดีถูกไหมคะ ถ้าซื้อขนมขบเคี้ยวมาทานแล้วมันไม่กรอบนี่สิถึงเป็นปัญหา 

คนเราส่วนใหญ่ถ้าไม่ใช่คนกินก็อาจจะไม่ชอบที่ได้ยินเสียง แต่กลับกันถ้าเราเป็นคนกิน นอกจากความอร่อยก็อาจจะเป็นเสียงความกรอบที่เป็นอีกหนึ่งการรับรู้ที่ต้องการได้ยินเมื่อกำลังกินอยู่เช่นกัน

ทั้งนี้มันก็เหมือนเป็นการสื่อสารแบบกลาย ๆ ไปในตัวว่าขนม Doritos กรอบอร่อยมากซะจนต้องปิดเสียง เป็นการชูจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ของแบรนด์เหมือนกันนะคะ ยิ่งปิดเสียงเคี้ยว เสียงการรับรู้(ในหัว)ว่ามันกรอบก็ยิ่งดัง

ถามว่าจะทำแคมเปญหรือโฆษณาตรง ๆ เลยได้ไหมว่าคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์เราเป็นยังไง ดีแค่ไหน ขนมของฉันกรอบอร่อยเกินต้าน ก็คงจะได้ แต่มันอาจจะขาดกิมมิคไปหน่อยสำหรับ Doritos ถึงได้กลายมาเป็นแคมเปญนี้ 

ซึ่งต้องใช้ความกล้าด้วยในการนำเสนอแบรนด์ตัวเองให้ดูเหมือนเป็นสิ่งที่น่ารำคาญ แต่ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการเน้นจุดแข็งของมันได้แบบสนุก ๆ เก๋ ๆ ซึ่งบางครั้งก็ทำให้คนจดจำได้มากกว่าซะด้วยซ้ำนั่นเอง รู้จักหาแง่มุมใหม่ ๆ ในการสื่อสารได้น่าสนใจจริง ๆ

การตลาด Doritos Silent ตัดเสียงเคี้ยวขนมตอนเล่นเกม สร้าง Customer Experience

เป็นยังไงกันบ้างคะสำหรับบทความนี้ที่ได้พาทุกคนมาดูการตลาด Doritos Silent ตัดเสียงเคี้ยวขนมตอนเล่นเกม ชูจุดเด่นความกรอบ สร้าง Customer Experience เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งแคมเปญที่รู้จักหาแง่มุมใหม่ ๆ จับ Creative Idea มาแก้ Pain Point ให้กับตลาดใหญ่อย่างชาวเกมเมอร์

สำหรับแบรนด์ไหนหรืออุตสาหกรรมอื่น ๆ ก็สามารถนำไปประยุกต์ต่อยอดไอเดียกันได้ค่ะ เป็นอีกเวย์ที่จะช่วยให้แบรนด์เราสามารถ Connect กับ Community ของกลุ่มเป้าหมายได้ และแน่นอนว่าคนก็จะมีมุมมองต่อแบรนด์ในทางที่ดี และมีแนวโน้มที่จะซื้อของของแบรนด์ตามมาเช่นกัน

หวังว่าบทความนี้จะช่วยสร้างไอเดียและเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะคะ แล้วมาเจอกันใหม่ในบทความหน้า ฝากติดตามด้วยนะคะ และทุกคนสามารถติดตามบทความด้านการตลาดเพิ่มเติมได้จากเพจการตลาดวันละตอนที่ เว็บไซต์  Facebook  Instagram  Twitter Youtube ได้เลยค่า

Source

Fern Panassaya

เฟิร์น Marketing Content Creator แห่งการตลาดวันละตอน รักแมวอ้วนและหมาโกลเด้น ตั้งใจสร้างสรรค์ทุกผลงาน ฝากเป็นกำลังใจและติดตามคอนเทนต์ใหม่ ๆ ต่อจากนี้ด้วยค่ะ <3

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *