แคมเปญการตลาด Delivery เปลี่ยนกล่องธรรมดา ด้วยไอเดียที่ไม่ธรรมดา ยอดสั่งเพิ่ม 23% 

ถ้าคุณเจอไรเดอร์ส่งของวิ่งผ่าน พร้อมกล่องใสที่ข้างในมีคนจริง ๆ  พับตัวอยู่ข้างใน คุณจะหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายไหม? นั่นแหละครับคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงบนท้องถนนดูไบ เมื่อแอป Careem หยิบกล่องหลังรถส่งของธรรมดามาเล่าเรื่อง ด้วยแคมเปญ If it Fits in the Box ที่ใช้ไอเดีย “อะไรที่ใส่กล่องได้ เราก็ส่งได้” มาขยี้ให้คนทั้งเมืองหยุดมอง แชร์ และเสิร์ช จนแอปยอดพุ่งกระฉูดในงบแค่ 4 หมื่นเหรียญ บทความนี้จะพาไปแกะ การตลาด Delivery ว่าเบื้องหลังกล่องใสนั้น มีอะไรที่มากกว่าสิ่งของแปลก ๆ ซ่อนอยู่บ้าง ติดตามกันได้เลยครับ

สิ่งแรกที่เราต้องเข้าใจก่อนคือ Careem คือ Super App ด้านบริการการเดินทางและส่งของ ที่ให้บริการในตะวันออกกลาง แอฟริกาเหนือ และเอเชียใต้ โดยเฉพาะในประเทศอย่าง สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE), ซาอุดีอาระเบีย, ปากีสถาน เดิมที Careem เริ่มต้นจากการเป็น แอปเรียกรถ Taxi แบบเดียวกับ Uber แต่ภายหลังได้ขยายบริการจนกลายเป็นแพลตฟอร์มที่รวมทุกอย่างในแอปเดียว เช่น เรียกรถแท็กซี่/รถส่วนตัว
,สั่งอาหาร, ส่งพัสดุ (Careem Box), ซื้อของชำ เป็นต้น

ด้วยศักยภาพของ Careem ในปี 2020 บริษัทจึงถูก Uber ซื้อกิจการในมูลค่ากว่า 3.1 พันล้านดอลลาร์ แต่ยังคงแบรนด์และทีมบริหารของตัวเองในภูมิภาคครับ 

สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ชาวต่างชาติ 2 ล้านคนที่เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ UAE  ซึ่งถือเป็นกลุ่มลูกค้าใหม่ที่ยังไม่คุ้นชื่อ Careem เหมือนคนท้องถิ่น ดังนั้นโจทย์ของแบรนด์จึงต้องสร้างการจดจำใหม่ในใจผู้บริโภคกลุ่มใหม่ ไม่ใช่แค่บอกว่าเรามีบริการส่งของ แต่คือ ทำให้ลูกค้ากลุ่มใหม่ เข้าใจว่า Careem ส่งอะไรก็ได้ในงบที่น้อยกว่าคู่แข่งรายใหญ่ครับ จึงเป็นที่มาของแคทเปญนี้นั่นเอง

Careem ทำสิ่งที่เรียบง่ายแต่ น่าจดจำด้วยการเปลี่ยนกล่องหลังมอไซค์ของคนส่งของให้กลายเป็นพื้นที่โฆษณา ที่เล่นกับความอยากรู้ของคนทั่วไป

  • Stunt to Start: เอานักกายกรรมตัวอ่อนมาม้วนตัวเข้าไปอยู่ในกล่องจริง ๆ กลางย่านพลุกพล่านในดูไบ
  • Visual Billboard: สร้างกล่องใสพิเศษ แล้วใส่ของที่ไม่น่าอยู่ในกล่องพวกนี้ เช่น Mona Lisa ปลอม, ทองคำแท่ง, หน้ากากตัวตลก, ดอกกุหลาบ ฯลฯ
  • Mobile Tease: มอเตอร์ไซค์เหล่านี้วิ่งจริงทั้งวันทั้งคืน ตามถนนใหญ่-ซอยย่อย พร้อมติดข้อความเดียว “If it fits in the box, we’ll deliver.”
การตลาด Delivery

สิ่งสำคัญคือ ไม่มี QR, ไม่มี CTA, ไม่มีเบอร์โทร มีแค่ “ของแปลก” ในกล่องใส และ Tagline เดิม เพราะยิ่งไม่อธิบาย ยิ่งกระตุ้นให้คนอยากเสิร์ชนั่นเองครับ

เบื้องหลังความสำเร็จของแคมเปญนี้อยู่ที่การเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่อย่างลึกซึ้ง และการใช้กลยุทธ์ Creative Media as the Message แบรนด์ Careem ไม่ได้มองพื้นที่บนกล่องหลังมอเตอร์ไซค์เป็นแค่ภาชนะใส่ของ แต่ยกระดับมันให้กลายเป็นสื่อโฆษณา ที่สะท้อน Value ของแบรนด์โดยตรง ด้วยหลักการที่ว่าถ้าสื่อที่ใช้สื่อสาร คือสิ่งเดียวกับตัวสินค้า คนจะเข้าใจและจดจำได้ดีขึ้น 

อีกหนึ่งหลักจิตวิทยาที่แคมเปญนี้หยิบมาใช้คือ Von Restorff Effect หรือหลักการที่ว่าสิ่งแปลก ๆ ในกลุ่มของสิ่งของที่คล้ายคลึงกัน จะถูกจดจำได้ดีที่สุด เพราะในขณะที่รถส่งของเจ้าอื่น ๆ อาจดูคล้ายกันไปหมด Careem เลือกที่จะทำให้โดดเด่น ด้วยการใส่ของประหลาด ๆ อย่างหน้ากากตัวตลกหรือภาพโมนาลิซาไว้ในกล่องใส ๆ โดยไม่บอกอะไรเพิ่มเลยครับ และ ยิ่งไม่มีคำอธิบาย ยิ่งกระตุ้นให้คนหยิบมือถือขึ้นมาถ่าย แชร์ และค้นหาว่าแบรนด์นี้คืออะไรไปโดยปริยาย

และแน่นอนว่าแคมเปญนี้ไม่ได้ทำขึ้นเพื่อแค่โชว์เท่านั้น แต่ถูกออกแบบมา เพื่อให้ถูกถ่าย ถูกแชร์ ตั้งแต่แรก นั่นคือกลยุทธ์ Built for Social เพราะรู้ดีว่าคนรุ่นใหม่ชอบถ่ายสิ่งที่ไม่ธรรมดา แล้วแชร์ลงบนโซเชียล จึงไม่จำเป็นต้องจ้าง Influencer เพื่อโปรโมทเลยสักคน แต่กลับได้กระแสจากผู้ใช้จริง รวมถึงเพจไวรัลของดูไบที่เอาไปโพสต์ต่อจนกลายเป็น Earned Media มูลค่ากว่า 2.4 ล้านดอลลาร์เลยทีเดียวครับ

ทั้งหมดนี้คือภาพรวมของกลยุทธ์ที่ดูเหมือนจะเบา ๆ สนุก ๆ แต่จริง ๆ แล้วคือการวางหมากมาอย่างรอบด้าน เพื่อเปลี่ยนพื้นที่หลังมอไซค์ธรรมดา ให้กลายเป็นเครื่องมื่อสื่อสารแบรนด์ที่ขับเคลื่อนไปทั่วเมือง และทั่วโซเชียลพร้อมกันครับ

แม้จะลงทุนแค่ $40,000 แต่ผลลัพธ์ของแคมเปญนี้เรียกได้ว่าเกินกล่องไปไกลมาก

การตลาด Delivery
  • ยอดสั่งเพิ่ม 23% 
  • การค้นหาในแอป Careem เพิ่มขึ้น 30%
  • ได้ 24 ล้านวิว จาก Organic Content
  • มี 690,000 reactions และได้ Earned Media มูลค่า $2.4 ล้าน

Source

AI image generated by Shutterstock (Prompt: A delivery motorcycle driving on an urban street, with a large transparent box mounted on the back of the bike. Inside the box is a framed replica of the Mona Lisa painting, clearly visible. The box is made of clear acrylic but tinted with a subtle emerald green hue (#008446). The delivery rider wears a matching emerald green jacket and helmet, blending with the brand-like theme. The city background is slightly blurred to keep the focus on the rider and the unusual item in the box. The lighting is soft, with overall green tones dominating the scene. The image should feel modern, quirky, and eye-catching — designed to make people stop and stare.)

แคมเปญ If it Fits in the Box ของ Careem คือบทพิสูจน์ว่าความคิดสร้างสรรค์ สามารถขยายเสียงของแบรนด์ได้ไกลกว่างบโฆษณาเสมอ เมื่อแบรนด์เข้าใจว่าคนรุ่นใหม่ไม่อยากฟังโฆษณา แต่อยาก “เจออะไรบางอย่างที่น่าจดจำ” บนท้องถนนหรือฟีดโซเชียล การเปลี่ยนกล่องหลังมอไซค์ให้กลายเป็นสื่อเล่าเรื่องจึงไม่ใช่แค่กิมมิกสนุก ๆ แต่คือกลยุทธ์ที่ทำให้แบรนด์เข้าไปอยู่ในบทสนทนาของผู้คนแบบออร์แกนิก และในยุคที่ทุกคนไถหน้าจอเร็วกว่าที่แบรนด์จะพูดจบ การสื่อสารที่คนอยากถ่าย อยากแชร์ และอยากค้นหาต่อเอง อาจเป็น “กล่องคำตอบ” ที่แบรนด์อื่น ๆ กำลังตามหาอยู่ก็ได้ครับ

ชื่อเติ้ลครับ เป็น Senior Data Insight Researcher & Marketing Content Creator แห่งการตลาดวันละตอนครับ ^^ มีงานอดิเรกเป็น ผู้ช่วยนักวิจัยฝั่ง Consumer Insights ที่คณะวิทยาศาตร์การกีฬา ที่จุฬาครับ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *