DeepSeek vs ChatGPT: เจาะลึกเปรียบเทียบความต่าง และการใช้งาน

Generative AI กำลังเปลี่ยนโลก!! 🔥 ถ้าจะกล่าววลีนี้สำหรับสถานการณ์ในปัจจุบันคงไม่เกินจริง เมื่อ ChatGPT เข้ามาเปลี่ยนแปลง User Experience ให้ทุกคนเข้าถึงการใช้งาน AI จนสั่นสะเทือนทั้งวงการ และตอนนี้มีผู้เล่นรายใหม่ที่ชื่อเท่คือ DeepSeek จากค่ายจีนเข้ามาเขย่าตำแหน่งผู้ปลุกกระแสนั้น แต่ท้ายสุดแล้วจะสามารถแข่งขันกับ ChatGPT ที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางได้หรือไม่? จะเหมาะกับการใช้งานประเภทใดกันแน่?

เรามาหาคำตอบไปพร้อมๆ กันในบทความนี้ค่ะ เพราะนิกจะชวนทุกท่านมาเจาะลึกการ GenAI Fight ครั้งนี้และดูว่าใครจะได้ชัยชนะ 🏆 Let’s go ==>

#1 สรุปย่อ DeepSeek และ ChatGPT คืออะไร?

  • DeepSeek: เป็น Genrative AI จากบริษัท AI ของจีนที่เชี่ยวชาญด้านโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ซึ่งคล้ายกับ ChatGPT ของ OpenAI และ Gemini ของ Google โดยบริษัทได้รับความสนใจจาก DeepSeek LLM ซึ่งประกอบด้วยโมเดลที่ได้รับการปรับให้เหมาะสมสำหรับการใช้เหตุผล การสร้างโค้ด และการทำความเข้าใจภาษาธรรมชาติ (Natural Language) ซึ่ง DeepSeekAI เป็นบริษัทสตาร์ทอัพด้าน AI ของจีนที่ก่อตั้งในปี 2023 ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา รวมถึงติดอันดับแอปฟรีอันดับหนึ่งบน App Store ของ Apple
DeepSeek vs ChatGPT: เจาะลึกเปรียบเทียบความต่าง และการใช้งาน
  • ChatGPT: ครองพื้นที่ AI ด้วยการสื่อสารเชิงเชิงลึก ฐานความรู้ที่มีลักษณะเฉพาะ และการช่วยเหลือในการวิเคราะห์ข้อมูลที่ซับซ้อน ช่วยสร้างและ edit code ได้ ซึ่งสำหรับนิกมองว่าปัจจุบันใช้งานได้ดีมากกกก แบบ ก.ไก่ ล้านตัวค่ะ (คหสต.)

#2 ความแตกต่างหลักๆ

  • DeepSeek: เน้นที่ประสิทธิภาพ มีการปรับใช้แบบน้ำหนักเบา (หมายความว่าหากเราจะพ่วงกับ Services อื่นๆ จะสามารถทำได้ดีขึ้น) และเป็น AI แบบโอเพนซอร์ส (Host ได้ด้วยตัวเอง เช่น LLaMA, Mistral) ที่มีประสิทธิภาพค่อนข้างดี โดยจะเน้นที่การสื่อสารผ่านข้อความเป็นหลัก (ไม่มีความสามารถ Multi mode ในตัว)
  • ChatGPT: โดดเด่นในด้านการสนทนาที่เป็นธรรมชาติมากๆ คล้ายการสื่อสารกับมนุษย์ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญ การเขียนโค้ด และการใช้เหตุผล ตลอดจนมีความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งทำได้ดีมากๆ ในภาษาไทย แต่ไม่เป็นโอเพนซอร์ส (ต้องใช้ OpenAI API หรือสมัครใช้งาน ChatGPT Plus)
  • Gemini: Multi task model ทั้งการจัดการข้อความ รูปภาพ วิดีโอ และการใช้เหตุผลที่ซับซ้อน ที่สำคัญออก internet ได้ ไม่เป็นโอเพนซอร์ส แต่สามารถผสานรวมกับบริการของ Google ได้

#3 เปรียบเทียบความต่างของโมเดล

สิ่งสำคัญที่เราจะไม่พูดถึงไม่ได้คือเรื่องของ “Model Architecture” ค่ะ ^^ โดยการที่เราเข้าใจความแตกต่างทางสถาปัตยกรรมที่สำคัญของโมเดลระหว่าง DeepSeek-R1 และ ChatGPT o1 ด้วยการสำรวจวิธีการออกแบบโมเดลเหล่านี้ จะทำให้เราสามารถเข้าใจจุดแข็ง จุดอ่อน และความเหมาะสมสำหรับงานต่างๆ เพื่อประยุกต์ใช้กับความต้องการของเราได้อย่างเหมาะสมมากยิ่งขึ้นนั่นเองค่ะ

🔹DeepSeek-R1 :
  • Mixture-of-Experts Architectureญ (MoE): ใช้พารามิเตอร์ 671 พันล้านตัว แต่เปิดใช้งานเพียง 37 พันล้านตัวต่อการค้นหาหนึ่งครั้ง ซึ่งส่วนนี้เองที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการคำนวณให้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น
  • Reinforcement Learning Post-Training (RL): ปรับปรุงการใช้เหตุผลโดยไม่ต้องพึ่งพาชุดข้อมูลที่ต้องเตรียมมาเพื่อ Train model แบบหนักหน่วง ช่วยให้สามารถแก้ปัญหาแบบ “chain-of-thought (ห่วงโซ่แห่งความคิด)” ได้เหมือนมนุษย์
  • Cost effective Training: ใช้เวลา Train Model เป็นเวลา 55 วันบน GPU Nvidia H800 จำนวน 2,048 ตัว ด้วยต้นทุนเพียง 5.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งน้อยกว่าค่าใช้จ่ายของ ChatGPT ถึง 1 ใน 10 ส่วน!!
🔹ChatGPT o1:
  • Dense Model Architecture: การออกแบบแบบโมโนลิธิกที่มีพารามิเตอร์ 1.8 ล้านล้านตัวที่ได้รับการปรับให้เหมาะสมเพื่อความหลากหลายในการสร้างภาษาและงานสร้างสรรค์
  • Advanced Chain-of-Thought Processing: โดดเด่นในด้านการใช้เหตุผลแบบหลายขั้นตอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสาขา STEM เช่น คณิตศาสตร์และการเขียนโค้ด
  • Proprietary Training: สร้างขึ้นบนกรอบงาน GPT-4o ของ OpenAI ซึ่งต้องใช้ทรัพยากรการคำนวณจำนวนมาก (ต้นทุนการฝึกอบรมประมาณ 100 ล้านดอลลาร์ขึ้นไป)

#4 เปรียบเทียบความต่างการใช้งาน: ทดลอง Prompting
https://www.deepseek.com

หลังจากที่ทุกท่านทราบความต่างเบื้องต้นระหว่าง Generative AI ทั้ง 2 ตัวนี้เแล้ว,,,, เรามาทดลองเปรียบเทียบความแตกต่างของการใช้งานกันค่ะ

Start =>> ให้เพื่อนๆ เข้าไปที่ https://www.deepseek.com เพื่อเข้าใช้งาน ซึ่งหลังจากที่เข้าไปแล้ว ก็จะพบกับหน้านี้ค่ะ

DeepSeek vs ChatGPT: เจาะลึกเปรียบเทียบความต่าง และการใช้งาน

ก็สามารถเลือกไปที่ “Start Now” ได้เลย ซึ่งเมื่อเลือกไปแล้วก็จะมี pop-up ขึ้นมาให้เรา Log-in โดยในส่วนนี้นิกใช้เป็น “Sign in with Google Account” ค่ะ ==> แล้วเราก็จะได้พบกับ “น้องวาฬ” ที่แนะนำตัวว่า “Hi, I’m DeepSeek.

DeepSeek vs ChatGPT: เจาะลึกเปรียบเทียบความต่าง และการใช้งาน

เมื่อทุกท่านพร้อมแล้ว เรามาเริ่มทดสอบความสามารถ เปรียบเทียบระหว่าง “น้องวาฬ” กับรุ่นพี่เก๋าเกมอย่าง ChatGPT กันค่ะ^^

  • Prompt แรก (งานทั่วไป) นิกต้องการให้:

ซึ่ง ผลลัพธ์ที่ได้ออกมาเป็นดังนี้ค่ะ: ฝั่งซ้ายมือ น้องวาฬ ร่างโครงร่างให้นิกออกมาเป็น 4 หัวข้อ ได้แก่ พื้นฐานของ LLMs, LLMs ทำงานอย่างไร, ข้อดีและข้อจำกัดของ LLMs และอนาคตของ LLMs โดยแต่ละหัวข้อหลักประกอบไปด้วย 2 หัวข้อย่อย ในแต่ละหัวข้อย่อยประกอบไปด้วย 3 หัวข้อจิ๋ว => ทุกท่านสังเกตเห็นอะไรไหมคะ?

สำหรับนิกสิ่งที่พบในการให้ DeepSeek ร่างโครงเรื่องก็คือการร่างออกมาเป็น Pattern ที่เหมือนๆ กันทั้งโครงร่าง

ในขณะที่ ChatGPT ร่างออกมาเป็น 8 หัวข้อหลัก ได้แก่,,,,
บทนำ: อธิบายว่า LLM คือโมเดลการเรียนรู้ลึกที่ใช้ข้อมูลจำนวนมากเพื่อสร้างและเข้าใจภาษา
ทำความเข้าใจกับ LLM: อธิบายว่า LLM ใช้ข้อมูลขนาดใหญ่และโมเดลที่ซับซ้อนในการเรียนรู้ภาษา
โครงสร้างของ LLM: พูดถึงการใช้ Neural Networks และ Transformer Architecture ในการฝึก LLM
ตัวอย่างของ LLM: เช่น GPT-3 ที่เน้นการสร้างข้อความ และ BERT ที่เน้นการทำความเข้าใจภาษา
การทำงานของ LLM: อธิบายกระบวนการ Pre-training และ Fine-tuning
ข้อดีและข้อเสีย: เช่น ความสามารถในการสร้างข้อความ และปัญหาความถูกต้องและการใช้ทรัพยากร
อนาคตของ LLM: แนวโน้มการพัฒนาและการปรับปรุงในด้านความแม่นยำและความปลอดภัย และสรุป

ซึ่งรูปแบบโครงร่างของ ChatGPT ในแต่ละหัวข้อไม่ได้มีจำนวนหัวข้อย่อยที่เท่ากันอย่างชัดเจน

DeepSeek vs ChatGPT: เจาะลึกเปรียบเทียบความต่าง และการใช้งาน

ทั้งนี้สำหรับนิกเอง (ย้ำว่าเป็น คหสต. นะคะ) มองว่าถ้าต้องการ Pattern ของโครงร่างสวยๆ “น้องวาฬ” จะทำได้ดีกว่า แต่ในส่วนของความลึก และครอบคลุมของเนื้อหาโครงร่าง ChatGPT ค่อนข้างครบถ้วนในมุมมองของนิกค่ะ

  • Prompt ในการงานคำนวณ (น้องๆ นักเรียนของนิก ถาม ChatGPT แบบนี้ประจำ):
DeepSeek vs ChatGPT: เจาะลึกเปรียบเทียบความต่าง และการใช้งาน

ส่วนนี้นิกพบกว่าผลลัพธ์หรือคำตอบที่เป็นตัวเลขสุดท้ายที่ได้จากทั้ง น้องวาฬ และพี่ ChatGPT คำนวณได้ถูกต้อง และได้ค่าเท่ากัน แต่ๆๆ ในส่วนของคำอธิบาย ChatGPT ค่อนข้างทำได้ดีกว่า และละเอียดมากกว่า

  • Prompt ในการช่วย Coding

โดยในส่วนนี้จะทดลองเปรียบเทียบ DeepSeek กับ ChatGPT ด้วยการให้ช่วยเราเขียนโค้ดสำหรับเครื่องคิดเลขง่ายๆ โดยใช้ HTML, JS และ CSS ด้วย Prompt

DeepSeek vs ChatGPT: เจาะลึกเปรียบเทียบความต่าง และการใช้งาน

สิ่งที่เจอคือ Code ที่ได้จาก “น้องวาฬ” นิกต้อง edit เพิ่ม 2 ครั้ง แล้วถามจุดที่ต้องการแก้ไขนั้นไป ถึงจะได้โค้ดที่ถูกต้องสำหรับเครื่องคิดเลข แต่ความน่าสนใจคือ GUI ของเครื่องคิดเลขที่ได้ออกมาเรียบง่ายและน่ารักมาก ๆ ค่ะ

ในขณะที่ถึงแม้ว่าหน้าตาของเครื่องคิดเลขจาก ChatGPT ที่พอเอาไป deploy จริงจะค่อนข้างเรียบง่าย สมกับชื่อ “Simple Calculator” แต่ความว้าวก็คือ Code ที่ได้มาใช้ได้เลยในครั้งแรก โดยไม่ต้องแก้ไข !!

Panaya Sudta

หลังจากทดสอบ Generative AI แชทบอททั้ง 2 ตัว เปรียบเทียบกัน นิกเชื่อว่าหลายๆ ท่านน่าจะได้เห็นจุดเด่น ของทั้งสองค่าย และจุดที่แตกต่างกันในเบื้องต้น ซึ่งคำถามสำคัญก็คือ แล้วเราควรเลือกตัวไหนล่ะ?

สำหรับนิก คำตอบไม่ได้เป็นอะไรที่ตายตัวค่ะ ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และลักษณะการใช้งานของเรา โดยนิกขออนุญาต Guide จากมุมมองส่วนตัวคร่าวๆ ดังนี้ เลือก DeepSeek หากเราต้องการ AI แบบโอเพนซอร์สที่ปรับแต่งได้สำหรับการโฮสต์ด้วยตนเองเลือก และเลือก ChatGPT หากเราต้องการ AI เชิงการโต้ตอบสนทนาที่ดี เหมาะกับ Chatbot ที่ต้องใช้ตอบลูกค้า รวมถึงหากเราต้องการความช่วยเหลือในการเขียนโค้ด หรือการใช้เหตุผลวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ

Hi, I am Nick,,,,Panaya Sudta (●'◡'●) Engineer during the daytime. Researcher at night. Reader in spare time. (❁´◡`❁) วิศวกร/นักวิจัย/ Market research ค่ะ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้แชร์มุมมองกันนะคะ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *